SMO จับมือ APM และ FSS “กลุ่มสมอทอง” ปักหมุดโรดโชว์ 11 จังหวัด โชว์พื้นฐานธุรกิจแกร่ง มั่นใจได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน

เมื่อเร็วๆ นี้ ที่โรงแรมแกรนด์วิว เชียงใหม่ โดย SMO จับมือ APM และ FSS เพื่อเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO  จำนวน 231.60 ล้านหุ้น 11 จังหวัดทั่วประเทศ และปิดท้ายการนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุนที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานครในวันที่ 20 ตุลาคม 2568

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมที่จะเดินทางไปนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุน หรือโรดโชว์ ของ SMO เพื่อเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO  จำนวน 231.60 ล้านหุ้น โดยจะเดินทางไปนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุน 11 จังหวัดประกอบไปด้วย จังหวัดชลบุรีในวันที่ 8 ต.ค. จังหวัดราชบุรีและนครปฐมในวันที่ 9 ต.ค. จังหวัดพิษณุโลกและนครสวรรค์ในวันที่ 10 ต.ค. จังหวัดนครราชสีมาและขอนแก่นในวันที่ 14 ต.ค. จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 15 ต.ค. อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาในวันที่ 16 ต.ค. จังหวัดสุราษฎร์ธานีในวันที่ 17 ต.ค.และปิดท้ายการนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุนที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานครในวันที่ 20 ต.ค. 68

ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทฯ ได้เตรียมข้อมูลธุรกิจซึ่งมีความแข็งแกร่ง และแผนในการขยายธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะสามารถต่อยอดการเติบโตได้ในอนาคต ซึ่งบริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO และบริษัทย่อย ประกอบการธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทสามารถจำแนกได้ 2 กลุ่ม คือธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือ น้ำมันปาล์มดิบ หรือ Crude Palm Oil หรือ “CPO” เมล็ดในปาล์มอบแห้ง หรือ Palm Kernel หรือ “PK” นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการผลิต เช่น กะลาปาล์ม ทะลายสับ เส้นใย และอื่นๆ และธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ โดยนำผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำมันปาล์มดิบมาหมักในบ่อด้วยจุลินทรีย์ เพื่อให้ได้ “ก๊าซชีวภาพ (Biogas)” สำหรับใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า ทั้งเพื่อใช้ภายในกิจการและจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่กับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ตามวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

ทั้งนี้ผลประกอบการของ SMO ในช่วงปี2565 – 2567 บริษัทมีรายได้รวม 6,870.42 ล้านบาท 5,894.14 ล้านบาท และ 6,261.09 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 129.52 ล้านบาท 218.78 ล้านบาท และ 259.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 1.89 ร้อยละ 3.71 และร้อยละ 4.14 ตามลำดับ และสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 4,965.90 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ518.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 10.55

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัสจำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ SMO เปิดเผยว่า บริษัท และที่ปรึกษาทางการเงิน รวมถึงกลุ่มสมอทอง มีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งในการเดินทางไปนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนทั่วประเทศ โดย SMO เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง มีโครงสร้างฐานะการเงินที่มั่นคง มีความพร้อมในการขยายธุรกิจในอนาคต และด้วยความเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบที่มีประสบการณ์อยู่ในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน มีความโดดเด่น ทำให้มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในครั้งนี้

นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า บริษัทมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาอย่างยาวนาน พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร และบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในธุรกิจ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีพัฒนาการทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว และแข็งแกร่ง มีกำลังการผลิตรวม 240 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบอันดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทย นับเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ในขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 14.38 เมกะวัตต์ภายใต้สัญญารับซื้อไฟฟ้า (PPA) รวม 12.7 เมกะวัตต์ มีส่วนช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ

โดยบริษัทมีกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างความแตกต่าง และความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมเพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งโรงงานในจุดยุทธศาสตร์ใกล้แหล่งวัตถุดิบ 4 แห่งประกอบด้วย 1. โรงงาน อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี 2. โรงงาน อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี   3. โรงงาน จ.สระบุรี 4. โรงงาน AL จ.ชุมพร และการมีช่องทางในการขายสินค้าทั้งในและต่างประเทศช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการขายและลดการพึ่งพิงการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยน้ำมันปาล์มยั่งยืน (Roundtable Sustainability Palm Oil: RSPO)

ในขณะที่วัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อลงทุนเพิ่มในธุรกิจผลิต และจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ โดยมุ่งเน้นการขยายโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มดิบไปในพื้นที่อื่นนอกเหนือจากที่กลุ่มบริษัทมี ซึ่งเป็นธุรกิจที่กลุ่มบริษัทมีความเชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม และ/หรือ ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องซึ่งอยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน ซึ่งเป็นการต่อยอดการผลิตภัณฑ์หลักของธุรกิจ และลงทุนในโครงการปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินซึ่งเป็นเงินที่กู้ยืมมาเพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการขยายกำลังการผลิตของกลุ่มบริษัท และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ

เปิดรับสมัครแล้ววันนี้! Chiang Mai Night Safari Cross-Country Run 2025

เตรียมพบกับงานวิ่งสุดพิเศษในบรรยากาศธรรมชาติท่ามกลางสัตว์ป่านานาชนิด
กับเส้นทางวิ่ง Cross-Country ที่สวยและท้าทายสุดในเชียงใหม่ 🌿✨
ประเภทการแข่งขัน
– ระยะ 10 กม. Cross-Country
– ระยะ 5 กม. Cross-Country
– ระยะ 1 กม. (Kids Race – วิ่งถนน)
วันแข่งขัน
Kids Race (อายุต่ำกว่า 12 ปี): วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2568 (17.00–18.30 น.)
ระยะ 5K / 10K: วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2568
สถานที่: เชียงใหม่ ไนท์ ซาฟารี อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
ค่าสมัคร
– 1 KM (Kids Race) – 299 บาท
– 5 KM – 399 บาท
– 10 KM – 499 บาท
จำนวนจำกัดเพียง 100 คนต่อระยะเท่านั้น!
รีบสมัครก่อนเต็มนะ!
นักวิ่งทุกระยะจะได้รับ
เสื้อที่ระลึก + เหรียญรางวัล + ประกันอุบัติเหตุ
รางวัล
– 10 KM: ถ้วยรางวัลรุ่นอายุ อันดับ 1–3 (ชาย/หญิง)
– 5 KM: ถ้วยรางวัล Overall อันดับ 1–3 (ชาย/หญิง)
รับอุปกรณ์การแข่งขัน
ศุกร์ 28 พ.ย. 68: Decathlon Chiang Mai (10.00–17.00 น.)
https://maps.app.goo.gl/UfuaAL6q3jYgCosk9
เสาร์ 29 พ.ย. 68: เชียงใหม่ ไนท์ ซาฟารี (10.00–18.00 น.)
https://maps.app.goo.gl/3A8jA4ovgoBWn8DMA
กำหนดการปล่อยตัว
– เสาร์ 29 พ.ย. 68 เวลา 17.00 น. – Kids Race 1 KM
– อาทิตย์ 30 พ.ย. 68
เวลา 07.00 น. – 10 KM
เวลา 07.15 น. – 5 KM
https://race.thai.run/nightsafaricrosscountryrun2025
แล้วพบกัน 29–30 พฤศจิกายน 2568
มาวิ่งไปพร้อมเสียงคำรามแห่งธรรมชาติที่ Chiang Mai Night Safari!

เชียงใหม่ เตรียมจัด ”โครงการวิ่งไป เที่ยวไป กับแม่บ้านมหาดไทย ประจำปี 2568″

วันนี้ (11 ต.ค. 68) เวลา 10.00 น. นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดงาน “โครงการวิ่งไป เที่ยวไป กับแม่บ้านมหาดไทย ประจำ พ.ศ. 2568” ซึ่งสมาคมแม่บ้านมหาดไทยได้เตรียมจัดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ณ สวนสาธารณะองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (หลังศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่) เพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและใจของประชาชน และต้อนรับการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
สำหรับ “โครงการวิ่งไป เที่ยวไป กับแม่บ้านมหาดไทย” จัดขึ้นโดยสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ภายใต้การสนับสนุนของ กระทรวงมหาดไทย เพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและใจของประชาชนควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น รวมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างแม่บ้านมหาดไทย หน่วยงานราชการ และประชาชนทั่วไป โดยรายได้จากการดำเนินโครงการฯ หลังหักค่าใช้จ่าย จะส่งมอบเป็นทุนการศึกษาเพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่มีความประพฤติดี มีผลการเรียนดี แต่มีฐานะยากจน ให้ได้รับโอกาสศึกษาต่อในระดับสูงขึ้น รวมทั้งนำไปสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมสาธารณะกุศลของสมาคมแม่บ้านมหาดไทย อีกด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือการเตรียมการจัดกิจกรรม และการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมุ่งหวังให้สถานที่ท่องเที่ยวและแลนด์มาร์คต่างๆ ในเชียงใหม่ ผ่านโครงการดังกล่าวให้เป็นที่รู้จัก อีกทั้งเป็นการเตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น นอกจากนี้ยังได้มีการหารือด้านความปลอดภัยเพื่อดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทางการจัดกิจกรรม

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ห่วงใยชุมชนรอบสนามบิน สนับสนุนกองทุนช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง

วันที่ 10 ตุลาคม 2568 ท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยนายการันต์ ธนกุลจีรพัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ มอบงบประมาณสนับสนุน “กองทุนช่วยเหลือประชาชนรอบสนามบิน” เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านเสียงและแรงสั่นสะเทือนจากการดำเนินงานของท่าอากาศยาน โดยมีคณะผู้บริหารเทศบาลเมืองแม่เหียะร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบงบประมาณดังกล่าว ให้แก่ชุมชนหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 10 รวมจำนวน 45,000 บาท และชุมชนหมู่ที่ 5 จำนวน 50,000 บาท เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนของกองทุนในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเหมาะสมและทันท่วงที ถือเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากปี 2567 ซึ่งท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้จัดสรรงบประมาณตั้งต้นกองทุนละ 50,000 บาท เพื่อเป็นการเริ่มต้นกลไกช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเสียงและแรงสั่นสะเทือนจากอากาศยาน และเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างท่าอากาศยานกับชุมชนโดยรอบ

กองทุนช่วยเหลือประชาชนรอบสนามบินจัดตั้งขึ้นตามมติที่ประชุมรับฟังประเด็นปัญหาชุมชนรอบสนามบิน เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2566 ณ ห้องประชุมเทศบาลเมืองแม่เหียะ ภายใต้กรอบมาตรการเยียวยาเบื้องต้นจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อให้การดูแลประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของสนามบินเป็นไปอย่างเหมาะสม โดยในระยะยาว ท่าอากาศยานเชียงใหม่จะพิจารณามาตรการเพิ่มเติมภายหลังจากการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเสร็จสมบูรณ์

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ให้ความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกับชุมชนโดยรอบบนพื้นฐานของความเข้าใจ ความร่วมมือ และความรับผิดชอบต่อสังคม โดยจะดำเนินกิจกรรมสนับสนุนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินงานของท่าอากาศยานเป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืนในทุกมิติ

ท่าอากาศยานเชียงใหม่จัดพิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในวันนวมินทรมหาราช 13 ตุลาคม 2568

วันที่ 10 ตุลาคม 2568 นายการันต์ ธนกุลจีรพัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง และครอบครัวท่าอากาศยานเชียงใหม่ รวมทั้งส่วนราชการและผู้ปฏิบัติงาน ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “วันนวมินทรมหาราช” 13 ตุลาคม 2568 โดยได้รับเมตตาจากพระสงฆ์จำนวน 10 รูป จากวัดสวนดอก พระอารามหลวง มาประกอบพิธีทำบุญและรับบิณฑบาต ณ บริเวณลานจอดรถบัส ด้านทิศใต้อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ
วันนวมินทรมหาราช นับเป็นวันสำคัญของชาติ โดยหลังการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคต เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ต่อมาในปี พ.ศ.2560 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้วันที่ 13 ตุลาคม เป็นวันหยุดราชการและวันสำคัญของชาติ และในปี พ.ศ.2566 ได้รับพระราชทานชื่อวันดังกล่าวอย่างเป็นทางการว่า “วันนวมินทรมหาราช” ตามพระราชวินิจฉัยที่ได้รับคำถวายจากสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ทั้งนี้ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้จัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรเนื่องในวันสำคัญนี้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้บุคลากรของท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้ร่วมกันทำความดี ถวายเป็นพระราชกุศล และน้อมนำแนวพระราชดำริมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ขององค์กรและสังคมโดยรวม

 

เริ่มแล้ว งาน “กินเหนือ” เทศกาลอาหารและดนตรี ครั้งที่ 5

งาน “กินเหนือ” ครั้งที่ 5 เหนื้อ เหนือ เริ่มขึ้นแล้ว โดยมี นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน

งานนี้รวมความอร่อยบันเทิงและความสุขสนุกสนาน ครบถ้วน จัดระหว่างในวันที่ 8 – 13 ตุลาคม 2568 ณ ลานกิจกรรมด้านหน้า เซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟสฯ) เข้าฟรี!!! ชมฟรี!!! ทั้ง 6 วัน ไม่มีค่าบัตรผ่านประตู ตั้งแต่เวลา 16.00 – 23.00 น.

ลิ้มชิมรสอาหารจากร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงใหม่ อาหารหลากหลายประเภทจากร้านอาหารชื่อดัง และ Food Truck รวมกว่า 100 ร้าน

สนุกสนานกับ ฟรีคอนเสิร์ต จากศิลปินชื่อดัง
8 ตค. เดอะเพอะ
9 ตค. โอ๊ต ปราโมทย์
10 ตค. SL MUSIC
11 ตค. มนัสวีร์
12 ตค. มาลีฮวนน่า
13 ตค. จ๊ะ นงผณี

พร้อมสวนสนุก และมหกรรมธงฟ้าในงาน มาแอ่วกั๋นเน้อเจ้า

กิจกรรมเส้นทางการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวมุสลิม เชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวจังหวัดในกลุ่มภาคเหนือตอนบน 1

ทริป ทกจ. X สื่อมวลชนเชียงใหม่

กิจกรรมเส้นทางการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวมุสลิม เชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวจังหวัดในกลุ่มภาคเหนือตอนบน 1 (ลำพูน ลำปาง) ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนา Soft Power เพื่อเป็นต้นทุนพัฒนาต่อยอดการท่องเที่ยวมูลค่าสูง ระหว่างวันที่ 4 – 5 ตุลาคม 2568 ณ จังหวัดลำพูน และจังหวัดลำปาง

เริ่มต้นออกเดินทางวันที่ 4 ตุลาคม 68 ออกเดินทางสู่จังหวัดลำพูน ตามรอยเทศกาลโคมแสนดวงที่เมืองลำพูน วัดพระธาตุหริภุญชัยฯ  จากนั้นทางมุ่งสู่พิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย ดูประวัติการเปลี่ยนแปลงของเมืองลำพูน และของสะสมหายากในยุคนั้นว่ามีอะไรบ้างคนสมัยนี้ใครเคยเห็นหรือได้สัมผัสของเหล่านั้นมากันบ้าง เสร็จสิ้นกิจกรรมช่วงเช้าคณะฯ เดินทางรับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารวันดี

จากนั้น ได้เข้าเยี่ยมชุมชนมัสยิดอัลซอรี่ ซึ่งชุมชนมัสยิดที่เก่าแก่หนึ่งของลำพูน คณะฯ เดินต่อไปยังลำพูนไหมไทย เรียนรู้ภูมิปัญญา ศิลปะแห่งผ้าไหมยกดอกลำพูน ที่นี่ให้เราได้เรียนรู้ตั้งแต่ขั้นตอนการเลี้ยงไหม การทำผ้า จนกระทั่งนำมาจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป ช่วงบ่ายเดินทางสู่จังหวัดลำปาง เข้าเช็คอินโรงแรม รีเจนท์ ลอด์จ ลำปาง และได้สัมผัสวิถีชีวิตถนนคนเดิน กาดกองต้า ที่มีความนิยมทั้งวันรุ่น ครอบครัว รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาจังหวัดลำปาง

เชียงใหม่ ประชาสัมพันธ์ “โครงการ 12 เดือน 12 เทศกาล” เที่ยวได้ ทั้ง 365 วัน

วันนี้ (7 ต.ค. 68) เวลา 10.00 น. นายโชติวิทย์ ธิมาทาธีรโรจน์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยในการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์จังหวัดเชียงใหม่ ถึงการประชาสัมพันธ์ “โครงการ 12 เดือน 12 เทศกาล จังหวัดเชียงใหม่เที่ยวได้ ทั้ง 365 วัน” ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้าง City Banding ของเชียงใหม่ ขับเคลื่อนจังหวัดเชียงใหม่ให้ก้าวสู่การเป็น “เมืองเทศกาลโลก (World Festival Destination)” อย่างแท้จริง พร้อมต่อยอด Soft Power ด้านวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตล้านนา ให้ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบร่วมสมัย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้สามารถมาเยือนได้ทุกฤดูกาล

โดยในเดือนตุลาคม มีแนวคิดเทศกาลในรูปแบบ “การเฉลิมฉลองปลายฝนต้นหนาวที่เชียงใหม่” โดยมีเทศกาลและอีเว้นท์มากมาย อาทิ เทศกาลกินเหนือ ,เทศกาลกินเจ ,Halal Food Street ,โปรแกรมท่องเที่ยวชุมชนโดยเน้นการกระจายตัวในแต่ละชุมชน ,ช่วงปลายฝนต้นหนาว ,เทศกาลเหนือจัดสุราพื้นบ้าน เป็นต้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศการเฉลิมฉลองปลายฝนต้นหนาวตลอดทั้งเดือนตุลาคม

สำหรับเดือนพฤศจิกายน มีแนวคิดเทศกาลในรูปแบบ “Yi Peng Lightng ล้านนา บูชาแสงไฟ” ซึ่งทั้งจังหวัดเชียงใหม่ จะสว่างไสวด้วยแสงไฟแห่งศรัทธาและความหวัง โดยมีเทศกาลและอีเว้นท์ที่สำคัญ อาทิ เทศกาลยี่เป็ง ,ต๋ามประทีบส่องฟ้าฮักษาเมือง ,งานSky Lantern ,Chiang Mai Balloon Festival ,มหกรรมของดีเกษตรโป่งแยง เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจรายละเอียดเทศกาลและกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่เพจ Facebook : Chiangmai Festival City 12 เดือน 12 เทศกาล หรือ ทาง Line : @chiangmaifest

ตำรวจภูธรภาค 5 ขานรับนโยบาย ประกาศเป็นศัตรูกับนักค้ายาเสพติด และเดินเครื่องปราบยาเสพติดเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 ขานรับนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยประกาศเป็นศัตรูกับนักค้ายาเสพติด และเดินเครื่องปราบยาเสพติดเด็ดขาด

ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2568 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 30 กันยายน 2568 ตำรวจภูธรภาค 5 มีผลการปราบปรามจับกุมคดียาเสพติดดังนี้
– จับกุมคดียาเสพติด 27,871 คดี
– จำนวนผู้ต้องหา 23,770 คน
ตรวจยึดของกลาง
– ยาบ้า 281 ล้านเม็ด
– ไอซ์ 12,160 กก.
– เฮโรอีน 211 กก.
– เคตามีน 1,843 กก.
– ฝิ่น 161 กก.
อายัดทรัพย์สินจากขบวนการค้ายาเสพติดกว่า 1,250 ล้านบาท

ตำรวจภูธรภาค 5 มุ่งมั่นขับเคลื่อน “ชุมชนปลอดยาเสพติด” อย่างจริงจัง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคน ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการแจ้งเบาะแสอาชญากรรมและยาเสพติด ผ่านช่องทางสายด่วน 191 และ line@ police5 ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง

แอร์เอเชียเปิดบินตรงข้ามภาค “เชียงใหม่-อุดรธานี” เริ่มต้น 999 บาทต่อเที่ยวบิน! เชื่อมเหนือ-อีสานบินสะดวกยิ่งขึ้น จองได้เลย..เริ่มบิน 1 ธ.ค. 2568 นี้

เชียงใหม่ 3 ตุลาคม 2568 – บินม่วนปลายปี แอร์เอเชียเปิดบินตรงข้ามภาคเส้นทางใหม่ “เชียงใหม่-อุดรธานี” 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ เชื่อมเหนือ-อีสาน เเละเดินทางต่อสู่เมืองเวียงจันทน์ เมืองหลวงประเทศลาวได้ประหยัดเเละสะดวกยิ่งขึ้น บินคุ้มราคาเริ่มต้นเพียง 999 บาท สำรองที่นั่งราคาโปรโมชั่นได้ตั้งเเต่ วันที่ 3-31 ตุลาคม 2568  เดินทางได้ตั้งเเต่เที่ยวบินปฐมฤกษ์ 1 ธันวาคม 2568 – 28 มีนาคม 2568 จองเลยที่แอป AirAsia MOVE หรือ www.airasia.com

ทั้งนี้แอร์เอเชีย ตอกย้ำแนวคิด  บินสะดวก ตรงเวลา มีเส้นทางบินครอบคลุมสุดในไทย รวมทั้งบินข้ามภาคมากที่สุด พร้อมให้บริการด้วยคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ทั้งการเป็นสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก 16 สมัยซ้อนจากสกายเเทรกซ์ และการมีสถิติความตรงต่อเวลาสูงสุดในประเทศไทยในปีที่่ผ่านมา โดยติด 5 อันดับเเรกตรงเวลาที่สุดในเอเชียเเปซิฟิก จากการจัดอันดับโดย Cirium

นายสุรพันธ์ หอมขจร ผู้จัดการแอร์เอเชีย ประจำท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า ในช่วงปลายปีเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญของไทย โดยทั้งเชียงใหม่เเละอุดรธานี เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งสำหรับชาวไทยและต่างชาติ การเปิดเส้นทางบินข้ามภาค “เชียงใหม่-อุดรธานี” ของเเอร์เอเชีย ถือเป็นเส้นทางข้ามภาคลำดับที่ 7 ของฐานปฏิบัติการบินเชียงใหม่ เชื่อมั่นว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับทุกคน โดยแอร์เอเชียให้บริการด้วยเครื่องบินในตระกูลแอร์บัส A320 จำนวน 180 ที่นั่ง และให้บริการ 4 วัน ต่อสัปดาห์ (จันทร์ พุธ ศุกร์ อาทิตย์) ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกเเละกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวของทั้งสองจังหวัดได้อย่างดี

“สำหรับชาวเชียงใหม่ถือเป็นโอกาสดีในการบินสะดวกง่ายขึ้นสู่อุดรธานี หรือเเม้เเต่การเชื่อมต่อไปที่ประเทศลาว ผ่านเมืองเวียงจันทน์ สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวเดินทางใหม่ๆ ในขณะที่ชาวอุดรธานีสามารถบินตรงเยี่ยมชมเมืองเชียงใหม่ได้ในช่วงเวลาที่น่าเที่ยวที่สุดเช่นกัน” นายสุรพันธ์กล่าว

ทั้งนี้สายการบินแอร์เอเชียมีเส้นทางบินตรงจากเชียงใหม่ สู่ 9 เส้นทาง ภายในประเทศ ได้เเก่ กรุงเทพฯ (ทั้งสุวรรณภูมิ และ ดอนเมือง) ขอนแก่น  หัวหิน กระบี่  ภูเก็ต หาดใหญ่  สุราษฎร์ธานี และเส้นทางใหม่สู่ อุดรธานี รวมทั้งบินตรง 3 เส้นทาง ระหว่างประเทศ สู่ฮานอย  ไทเป และซัปโปโร(แวะรับส่งผู้โดยสารที่ไทเป)