โครงการวิ่งแสงนำใจไทยทั้งชาติฯ เชียงใหม่ ปิดยอดผู้สมัครรวมทั้งสิ้น 2,640 คน

รองผู้ว่าฯเชียงใหม่ ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปยอดผู้สมัครเข้าร่วมโครงการแสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาตครั้งที่ 11 รวมทั้งสิ้น 2,640 คน พร้อมจัดกิจกรรมในวันที่ 2 พฤศจิกายน นี้

วันนี้ (30 ก.ย. 68) ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามที่ได้มอบหมายภารกิจในโครงการแสงน้ำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาตครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 4/2568 โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่
หลังจากปิดการรับสมัครไปเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่มียอดผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 2,640 คน ซึ่งหลังจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่จะมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้โรคหลอดเลือดสมอง อาทิ สาเหตุ อาการ การป้องกัน การฟื้นฟู รวมถึงแนวทางการรักษาและปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ในวันที่ 27 – 30 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่
สำหรับกิจกรรมการเดิน วิ่ง ปั่น จะแบ่งประเภทการวิ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะทาง 5 กิโลเมตร และระยะทาง 10 กิโลเมตร โดยจะเริ่มปล่อยตัวตั้งแต่บริเวณด้านหน้าศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ วิ่งไปตามเส้นทางผ่านศูนย์สินค้าเกษตรภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี โรงเรียนนวมินทราชูทิชพายัพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ห้วยตึงเฒ่า และวนกลับมายังจุดปล่อยตัว

แอร์เอเชีย เสิร์ฟอาหารเหนือลอยฟ้า ลำเเต้ ลำว่า..ส่งท้ายปี ชุดขันโตกเมือง ข้าวซอยไก่ พร้อมเมนูใหม่จากสัปปะรดภูเเล สนับสนุนเกษตรกรไทย

 

เมื่อวันที่  30 กันยายน 2568 แอร์เอเชียสานต่อเมนูผลไม้ ช่วยเกษตรกรไทย นำ “สัปปะรดภูเเล” ชูเป็นวัตถุดิบสร้างสรรค์เมนูอาหารเหนืออร่อยล้ำ ฉลองฤดูกาลท่องเที่ยว ไตรมาสสุดท้าย(ตุลาคม-ธันวาคม) ส่งท้ายปี นำโดยเมนูเหนือขนานเเท้ ชุดขันโตกเมือง (พร้อมผักสดเเละน้ำพริกหนุ่ม) ข้าวซอยไก่สัปปะรดภูเเล สัปปะรดภูเเลชีสเค้ก และน้ำสัปปะรดพริกเกลือ อร่อยไม่ซ้ำใคร ลำเเต้เฉพาะบนเที่ยวบินของไทยแอร์เอเชีย(เที่ยวบินรหัส FD) และไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์(เที่ยวบินรหัส XJ) เท่านั้น

นางสาวอรอนงค์ เมธาพิพัฒนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าและบริการบนเครื่องบิน สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า กล่าวว่า เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา โครงการกระจายสินค้าเกษตรเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยการนำผลไม้มาสร้างสรรค์เป็นเมนูจำหน่ายบนเครื่องบิน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมการค้าภายในและสายการบินไทยแอร์เอเชีย ได้รับรางวัลความเป็นเลิศทางความคิดสร้างสรรค์ Creative Excellence Awards 2025 จากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์(องค์การมหาชน) ตอกย้ำความสำเร็จ โดยไตรมาสที่เเล้วเป็นเมนูจากลำไย ในไตรมาสนี้ เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2568 เราจึงสร้างสรรค์เมนูใหม่ โดยผสมผสานระหว่าง “สัปปะรดภูเเล” ผลไม้ขึ้นชื่อจากเชียงราย เข้ากับเมนูยอดนิยมต่างๆ ของทางภาคเหนือ เป็นเมนูลอยฟ้าไอเดียใหม่ๆ ที่อยากให้ทุกคนได้ลิ้มลอง

“หลังจากไตรมาสที่เเล้วแอร์เอเชียนำเสนอเมนูอาหารใต้รสเเซบ เดือนตุลาคมนี้จึงเปิดตัวเมนูใหม่เป็นอาหารเหนือ ที่ผ่านการคิดเเละพัฒนาสูตรมาอย่างดี นอกเหนือจากความอร่อยเเบบลอยฟ้า เราภูมิใจที่ได้นำผลไม้ไทยที่หลากหลายของเกษตรกร มาสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ๆ พร้อมกับการนำเสนออาหารที่มีเอกลักษณ์ในเเต่ละภาคให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นทั้งกับชาวไทยและต่างชาติที่เดินทางกับเรา” นางสาวอรอนงค์กล่าว

เมนูใหม่ประกอบไปด้วย “ชุดขันโตกเมือง” สำรับอาหารพื้นเมืองเหนือที่รวบรวมเมนูเด็ดเอาไว้ในถาดเดียว ไม่ว่าจะเป็นไส้อั่วไก่ ไก่ยอทอด น้ำพริกหนุ่ม เสิร์ฟคู่กับผักสด และข้าวเหนียว “ข้าวซอยไก่สับปะรดภูแล” ที่ผสมผสานเส้นบะหมี่กับน้ำแกงกะทิเข้มข้นหอมเครื่องแกงแบบเหนือ เสิร์ฟคู่กับไก่เนื้อนุ่ม พร้อมเครื่องเคียง ทั้งหอม มัน เผ็ดกำลังดี “ชีสเค้กสับปะรดภูแล” ความลงตัวของสับปะรดภูแลกับความเนียนนุ่มของชีสเค้ก ทำให้ได้รสชาติ หวานอมเปรี้ยวละมุนลิ้น และกลิ่นผลไม้สดที่สดชื่น “น้ำสับปะรดพริกเกลือ” เนื้อฉ่ำน้ำ ผสมกับ พริกสดบดและเกลือเล็กน้อย สดชื่น แปลกใหม่ต้องลอง เริ่มวางจำหน่ายทุกเที่ยวบินของไทยแอร์เอเชีย และไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568 เท่านั้น

MJU Car FreeDay 2025 ม.แม่โจ้ เดินลดคาร์บอนทะลุเป้า 17 ล้านก้าว เทียบเท่าปลูกต้นไม้ใหญ่ 727 ต้น

เมื่อที่ 24 กันยายน 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นประธาน เปิดกิจกรรม MJU Car Free Day 2025 ” 900,000 ก้าว #เดินลดคาร์บอน” โดยมี รองศาสตราจารย์จักรพงษ์ พิมพ์พิมล รองอธิการบดี ประธานคณะอนุกรรมการด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวรายงาน พร้อมทั้งมอบรางวัลและเกียรติบัตรให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ณ อาคารศูนย์กีฬาทศมินทรบพิตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้

สำหรับกิจกรรม MJU Car Free Day 2025 “900,000 ก้าว เดินลดคาร์บอน” ทางคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาและจัดอันดับมหาวิทยาลัยสู่ความยั่งยืน (SDG Impact Raking Green University แaะ Healthy University) ด้านสิ่งแวดล้อม (Sustainable Environment) ร่วมกับกองกายภาพและสิ่งแวดล้อม กองพัฒนานักศึกษา องค์การนักศึกษา และสภานักศึกษา จัดขึ้นภายใต้โครงการขับเคลื่อนการพัฒนาและจัดอันดับมหาวิทยาลัยสู่ความยั่งยืน (SDG Impact Raking Green University แaะ Healthy University) ด้านสิ่งแวดล้อม (Sustainable Environment) โดยการเดินและนับจำนวนก้าวของผู้เข้าร่วมกิจกรรม ผ่านทางแอพพลิเคชั่น MUU Mobile ตั้งแต่วันที่ 10 – 24 กันยายน 2568 เพื่อการลดมลภาวะทางอากาศ ด้วยการเดิน แทนการใช้ยานพาหนะ ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ มีคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรและนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรม โดยรวมจำนวนก้าวทั้งหมด 17,310,642 ก้าว นับเป็นระยะทาง 10,446.32 กิโลเมตร สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 16.23 tCO..mg / ปี เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ใหญ่จำนวน 727 ต้น ถือเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ตระหนักและมีส่วนร่วมในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ให้เท่ากับศูนย์ ตานโยบายของมหาวิทยาลัย

เตรียมพบกับ “กินเหนือ” เทศกาลอาหารและดนตรี Food Soft Power ครั้งที่ 5 สนุกสนานกัน 6 วันเต็ม!

งาน “กินเหนือ” เทศกาลอาหารและดนตรี Food Soft Power ครั้งที่ 5  งานรวมความอร่อย บันเทิง และความสุขสนุกสนาน กลับมาพบกันอีกครั้งระหว่างวันที่  8 – 13 ตุลาคม 2568 ณ ลานกิจกรรมด้านหน้า เซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟสฯ) เข้าฟรี!!!ชมฟรี!!! ทั้ง 6 วัน ไม่มีค่าบัตรผ่านประตู จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงเชียงใหม่ และชมรมภัตตาคารและร้านอาหารจังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 ณ ร้านอาหารเดอะวิวออลเดย์ นายวัชรายุธ์  กัววงศ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ ,นายนพดล ศรีโพธิ์ทอง ผู้จัดการส่วนกิจกรรมพิเศษ 1 บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ,นายพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้อำนวยการกลุ่มงานปฏิบัติการสาขาภาคเหนือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) นางนบชุลี ทองเหลืองดี ประธานการจัดงาน กินเหนือ เทศกาลอาหารและดนตรี ครั้งที่ 5  และนางสุปรียา  ปัญญารักษา ผู้แทนพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่

การจัดงานกินเหนือในปีนี้ มีแนวคิดการจัด คือ “กินเหนือ เหนื้อ เหนือ” ซึ่งไม่ได้มีแค่อาหารทั่วไป แต่จะมีการคัดสรรอาหารในรูปแบบพิเศษที่เหนือกว่า ยกระดับประสบการณ์การกินให้กลายเป็นงานเทศกาลที่ “เหนือ” ความคาดหมาย จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่  8-13  ตุลาคม 2568  (จำนวน 6 วัน)  ตั้งแต่เวลา 16.00 – 23.00 น. ณ ลานกิจกรรม หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่  มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศ โดยใช้พลังของอาหารเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้สู่ผู้ประกอบการ และชุมชนในพื้นที่ ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และร่วมขับเคลื่อนการดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วย Soft Power วัฒนธรรมด้านอาหารไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเมืองน่าเที่ยว สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก / เพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว และผู้ร่วมงาน ในการได้ลิ้มชิมรสอาหารจากร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยอาหารหลากหลายประเภท เนื่องจากผู้จัดงานได้เชิญร้านอาหารชื่อดัง และ Food Truck รวมกว่า 100 ร้าน ครบเครื่องทั้งอาหารคาว หวาน ของทานเล่น และเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมความสนุกสนานกับ ฟรีคอนเสิร์ต จากศิลปินชื่อดัง เช่น วันที่ 8 ตค. เดอะเพอะ / 9 ตค. โอ๊ต ปราโมทย์ / 10 ตค. SL MUSIC / 11 ตค. มนัสวีร์  / 12 ตค. มาลีฮวนน่า และ 13 ตค. จ๊ะ นงผณี พร้อมกันนี้ในแต่ละคืนจะมีความบันเทิงจากวงดนตรีชื่อดังในเชียงใหม่ที่มาจากสถานบันเทิงต่างๆอีกหลายวง พร้อมทั้งสวนสนุกขนาดใหญ่ เพื่อให้ครอบครัว และเด็กๆได้สนุกกันอย่างเต็มที่

พิเศษสำหรับในปีนี้ ผู้จัดงานได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรมธงฟ้าราคาประหยัดขึ้นภายในงาน เพื่อเป็นการลดภาระของผู้บริโภคและร่วมกันขับเคลื่อน นโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย ของกระทรวงพาณิชย์ ในการให้ความสำคัญกับการบริโภคสินค้าของไทย สร้างรายได้ให้เกษตรกร แก้ปัญหาปากท้องประชาชน พร้อมส่งเสริมมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอีกทางหนึ่ง

สนใจมาร่วมงานกันได้ “กินเหนือ เหนื้อ เหนือ” เทศกาลอาหารและดนตรี Food Soft Power ครั้งที่ 5   ระหว่างวันที่ 8-13  ตุลาคม 2568  ณ ลานกิจกรรมด้านหน้า เซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟสฯ) เข้าฟรีชมฟรีไม่มีค่าบัตรผ่านประตู

กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ เข้าพบผู้ว่าฯ เชียงใหม่ กระชับความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-เชียงใหม่

วันนี้ (23 ก.ย. 68) นายฮาราดะ มาซารุ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ พร้อมคณะ ได้เดินทางมาเข้าพบ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเยี่ยมคารวะและแนะนำตัว พร้อมถือโอกาสหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่น-เชียงใหม่
นายฮาราดะ มาซารุ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ กล่าวว่า ชาวเชียงใหม่กับชาวญี่ปุ่นมีความเข้ากันได้เป็นอย่างดี เพราะมีบุคลิกใกล้เคียงกัน จึงทำให้สามารถอยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมลำพูน แต่มีบางส่วนที่มาพักอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่ ก็ได้รับการดูแลจากจังหวัดเชียงใหม่เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ในระหว่างพำนักอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ก็มีชาวญี่ปุ่นบางส่วนมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วม รวมถึงปัญหามลพิษในแม่น้ำกก แต่ยังเชื่อมั่นในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหา ซึ่งญี่ปุ่นได้เตรียมคิดโครงการที่จะประสานความร่วมมือกับนานาชาติมาช่วยสนับสนุนแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่วนสิ่งที่อยากขอความร่วมมือจากจังหวัดเชียงใหม่ คือ อยากให้มีการร่วมกันขับเคลื่อนความสัมพันธ์ร่วมกับประเทศญี่ปุ่นให้มีความแน่นแฟ้นในด้านต่างๆ มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการทำงานร่วมกันในรูปแบบของดิจิทัลโนแมด เพื่อเพิ่มระยะเวลาในการพำนักอาศัยและกลับมาเที่ยวซ้ำให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังอยากให้มีการเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างเชียงใหม่กับเมืองสำคัญของญี่ปุ่นให้มากขึ้น
ด้าน นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่และประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันเริ่มมีการสร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบของเมืองพี่เมืองน้องร่วมกับเมืองสำคัญของญี่ปุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะเมืองฮอกไกโดที่มีการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี ความสัมพันธ์แบบเมืองพี่เมืองน้องไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยประเทศญี่ปุ่นถือเป็นต้นแบบที่ดี ทั้งในเรื่องความเป็นระเบียบสวยงามของบ้านเมือง ประชากรมีวินัยสูง และความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่สำคัญคือการบริหารจัดการน้ำท่วมที่ดี ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ก็ได้พยายามนำแนวคิดการแก้ปัญหาน้ำท่วมของญี่ปุ่นมาปรับใช้ในการบริหารจัดการน้ำของเชียงใหม่ด้วย โดยปัญหาที่จังหวัดเชียงใหม่พบ คือ ปัจจุบันลักษณะของฝนตกจะตกหนักแล้วแช่เป็นเวลานานหลายชั่วโมง และจะตกบริเวณหน้าเขื่อนไม่ได้ตกเหนือเขื่อน จึงไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ ดังนั้น เชียงใหม่จึงกำลังเร่งคิดหาโครงการที่จะแก้ปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว ส่วนในเบื้องต้นได้มีโครงการขุดลอกแม่น้ำปิง เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับมวลน้ำ ปัจจุบันดำเนินการในภาพรวมไปได้แล้วกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเรื่องการเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างเชียงใหม่กับเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่น จะมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง

เชียงใหม่ตอกย้ำสถานะ “เมืองแห่งเทศกาลระดับโลก” ขบวนบุปผชาติคว้ารางวัลระดับสากล หนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย Festival Economy

เชียงใหม่, 23 กันยายน 2568 – จังหวัดเชียงใหม่สร้างชื่อเสียงอีกครั้งบนเวทีโลก เมื่อ “ขบวนรถบุปผชาติ” จากงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2568 ได้รับรางวัล Silver Award ประเภท Best Parade จากการประกวด 2025 IFEA/Haas & Wilkerson Pinnacle Award Competition ซึ่งจัดโดยสมาคมงานเทศกาลและอีเวนต์นานาชาติ (International Festivals & Events Association: IFEA) ภายในงาน IFEA’s 70th Anniversary Convention & Expo ณ เมืองปาล์มสปริง รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจนี้ สะท้อนถึงพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์และศักยภาพของชาวเชียงใหม่ที่ร่วมกันรังสรรค์ผลงานขบวนรถบุปผชาติอันวิจิตรงดงามจนเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ

ที่สำคัญรางวัลอันทรงเกียรตินี้ไม่ได้เป็นเพียงความสำเร็จของเทศกาลใดเทศกาลหนึ่ง แต่เป็นเครื่องยืนยันถึงสถานะที่แข็งแกร่งของเชียงใหม่ในฐานะ “เมืองแห่งเทศกาลระดับโลก” ที่มีเทศกาลคุณภาพมากมายเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ และเป็นเทศกาลสำคัญที่สามารถยกระดับสู่สากลได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาเชียงใหม่ได้รับรางวัลจากเวทีนานาชาติมาแล้วหลายรางวัล อาทิ:

• รางวัล Asia Festival Award 2024 สำหรับเทศกาลเชียงใหม่บลูมส์, รางวัล Asia World Heritage City and Festival ประจำปี 2025 และรางวัล Asia Pinnacle Awards 2025 ในประเภท Best Event Program และ Best PR & Marketing สำหรับเทศกาลยี่เป็งเชียงใหม่
• การได้รับเลือกให้เป็น World Festival and Event City for 2022 โดยสมาคมงานเทศกาลและอีเวนต์นานาชาติ (IFEA)

ความสำเร็จของขบวนรถบุปผชาติงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับในครั้งนี้เป็นเสมือนพลังและแรงบันดาลใจสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “Chiang Mai Festival City 12 เดือน 12 เทศกาล” เพื่อให้งานเทศกาลเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างรายได้ตามนโยบาย Festival Economy โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์และยกระดับเทศกาลตลอดทั้งปี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก สร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในพื้นที่ และส่งเสริมภาพลักษณ์ของเมืองให้เป็นที่ประจักษ์ในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเทศกาลระดับโลกอย่างแท้จริง

“เซ็นทรัล แอร์พอร์ต” เปิดเพิ่มอีก 2 ร้านจากแบรนด์ดังทั้ง MINISO และ GENTLEWOMAN

MINISO กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมคอลเลกชันสุดพิเศษต้อนรับโฉมใหม่ใหญ่กว่าเดิม รวมทั้งของใช้ ตุ๊กตาสุดคิ้วต์ สาวกแฮรี่ Chiikawa ไม่ควรพลาด ฉลองเปิดร้านใหม่ ยิ่งซื้อยิ่งลด แล้วไปช้อปกันได้ ที่ชั้น 3 โซนอควาเรียม

GENTLEWOMAN แฟชั่นที่จะมาเติมความสนุกและสไตล์ให้ทุกลุค “Casual Fashion” ด้วยดีไซน์และสีสันหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกโอกาส มิกซ์แอนด์แมทช์ได้ทุกลุค พบกับสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด เครื่องประดับ และสินค้าไลฟ์สไตล์ กระเป๋าสะพายพิมพ์ลาย กระเป๋าเกี๋ยวที่เป็นกระแสยอดนิยม รองเท้า รวมไปถึง tumbler มีครบทุกไอเทมจบในที่เดียว ที่ชั้น 1 เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

เชียงใหม่เปิดตัว “Chiang Mai Festival City : 12 เดือน 12 เทศกาล” มุ่งสู่การเป็น World Festival and Event City

เชียงใหม่ – วันที่ 22 กันยายน 2568 จังหวัดเชียงใหม่จัดกิจกรรม KICK OFF “Chiang Mai Festival City : 12 เดือน 12 เทศกาล” อย่างยิ่งใหญ่ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ เพื่อสร้างการรับรู้และตอกย้ำภาพลักษณ์เชียงใหม่ในฐานะ “เมืองเทศกาลโลก” (World Festival and Event City) ตามแนวคิดการยกระดับ Soft Power ผ่านเทศกาล วัฒนธรรม และวิถีชีวิตล้านนา

นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เชียงใหม่เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ธรรมชาติ และประเพณีอันทรงคุณค่า ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติจากสมาคมงานเทศกาลนานาชาติ (IFEA) ตั้งแต่ปี 2022 ว่าเป็นเมืองที่มีเทศกาลหมุนเวียนตลอดทั้งปี ถือเป็นพลัง Soft Power ที่สามารถสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับภาพลักษณ์ของเชียงใหม่ในสายตานักท่องเที่ยวทั่วโลก

ด้านนายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กิจกรรมภายใต้โครงการนี้ประกอบด้วย จุดถ่ายรูป 12 จุดทั่วเมือง, กิจกรรม “Passport to Chiang Mai & E-Passport”, สื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์เชิงสร้างสรรค์ และกิจกรรม “แชะ เช็ค แชร์” เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยว พร้อมเชื่อมโยงกับเทศกาลสำคัญตลอดปี เช่น เทศกาลดอกไม้เชียงใหม่, สงกรานต์ล้านนา, ยี่เป็งโคมไฟ และ Countdown Chiang Mai รวมถึงเทศกาลร่วมสมัยใหม่ ๆ เช่น Wellness & Wellbeing, Food Fun Fashion & Music และ Craft & Creative Design วันนี้ 22 กันยายน 2568 นี้ถือเป็นวัน KICKOFF กิจกรรมสร้างการรับรู้ท่องเที่ยว 12 เดือน 12 เทศกาล อย่างสร้างสรรค์ โดยสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook : Chiangmai Festival City 12 เดือน 12 เทศกาล หรือทาง Line : @chiangmaifest
กิจกรรม “Chiang Mai Festival City : 12 เดือน 12 เทศกาล” นับเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้เชียงใหม่ก้าวสู่การเป็น World Festival Destination อย่างแท้จริง สร้างทั้งการรับรู้ด้านการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น และทำให้เชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวอยากมาเยือนซ้ำ รวมไปถึงต่อยอดการพัฒนาแบบองค์รวมโดยใช้ทุนทางสังคมของเชียงใหม่เป็นฐานการพัฒนาอย่างแท้จริง

 

SUN เดินหน้าขยายธุรกิจ ปักหมุดสำนักงานใจกลางกรุงเทพฯ เสริมแกร่งธุรกิจและการตลาด

กรุงเทพ- 19 กันยายน 2568 บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย ข้าวโพดหวานแปรรูป และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่น ๆ ภายใต้แบรนด์ KC จัดพิธี Grand Opening สำนักงานแห่งใหม่ ณ อาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ 1 เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร โดยมี ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะกรรมการ ที่ปรึกษาบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจ คู่ค้า สถาบันการเงิน และตลาดหลักทรัพย์ เข้าร่วมแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า“การเปิดสำนักงานใหม่ที่กรุงเทพฯ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของซันสวีท ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจ ขยายตลาดในประเทศ และเชื่อมโยงความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต”

พร้อมกันนี้ นายองอาจ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงทิศทางการทำตลาดว่า“ซันสวีทให้ความสำคัญกับการสื่อสารการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ ผ่านกลยุทธ์ Marketing ที่ตอบสนองกระแสความนิยมและพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละช่วงเวลา เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง”

สำนักงานใหม่แห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการดำเนินงานและการประสานงานกับพันธมิตรธุรกิจในทุกภาคส่วน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของซันสวีทในการพัฒนาและสร้างคุณค่าแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย

เชียงใหม่งานวันอะโวคาโดคุณภาพ เพื่อส่งเสริมการบริโภค

วันที่ 19 กันยายน 2568 นายชัชวาลย์ ปัญญา เป็นประธานเปิดงานวันอะโวคาโดคุณภาพเพื่อการส่งเสริมการบริโภค โดยมีนายนายเจริญ พิมพ์ขาล เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงาน วัตถุประสงค์การจัดงานเชิญชวนชม ชิม ช็อป อะโวกาโดคุณภาพเชียงใหม่ใน “วันอะโวคาโดคุณภาพเพื่อส่งเสริมการบริโภค” ตามโครงการยกระดับสินค้าเกษตรเกษตรเพิ่มมูลค่าสู่การเป็นเมืองสุขภาพระดับโลก โดยกำหนดจัดงานในวันที่19-20 กันยายน 2568 เริ่ม 11.00น.เป็นต้นไป ณ ลานกิจกรรม ชั้น G โซนลิฟต์แก้ว เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และผู้สนใจร่วมงานในครั้งนี้

จังหวัดเชียงใหม่เป็นแหล่งผลิตอะโวคาโดอันดับ 1 ของภาคเหนือ พันธุ์ที่มีการปลูกมาก คือปีเตอร์สัน, บัคคาเนียร์, บูท 7, พิงค์เคอร์ตัน และแฮส ซึ่งเป็นพันธุ์การค้าที่ตลาดมีความต้องการสูง จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ปลูกอะโวคาโด 14,704 ไร่ ผลผลิตประมาณ 18,000 ตัน/ปี ราคาเฉลี่ยคละหน้าสวน 30 บาท/กิโลกรัม สร้างมูลค่าให้แก่เกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 360 ล้านบาท
การจัดงานวันอะโวคาโด เพื่อส่งเสริม การบริโภคดำเนินการภายใต้โครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โครงการยกระดับสินค้าเกษตรเพิ่มมูลค่า สู่การเป็นเมืองสุขภาพระดับโลก กิจกรรมการจัดงานวันอะโวคาโดคุณภาพ เพื่อส่งเสริมการบริโภค

กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วยการจัดเวทีเสวนาทิศทางการผลิตอะโวคาโดคุณภาพ และจัดการอบรมในหัวข้อ การผลิตและการตลาดอะโวคาโดคุณภาพ ทิศทางและแนวโน้มความต้องการอะโวคาโดของผู้บริโภคในอนาคต กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เกษตรกรผู้ปลูกอะโวคาโด จาก 12 อำเภอ จำนวนรวม 60 ราย มีการออกบูธจัดแสดงและออกร้านจำหน่ายผลผลิต อะโวคาโดบริโภคสดและแปรรูป จากเกษตรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวม 13 บูธ จัดกิจกรรมการประกวดผลผลิตอะโวคาโดคุณภาพ และการแข่งขันประกอบอาหารที่มีส่วนผสมของอะโวคาโด ในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์ผลผลิตอะโวคาโดคุณภาพจังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นที่รู้จัก และเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตอะโวคาโด เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกร