นายกฯ อนุทิน ลงพื้นที่ส่งมอบโครงการเพิ่มศักยภาพการไหลของแม่น้ำปิง หวังแก้ปัญหาอุกภัยเขตเมืองเชียงใหม่ในระยะยาว พร้อมปล่อยปลาลงแม่น้ำปิงฟื้นฟูระบบนิเวศ

วันนี้ (20 พ.ย. 68) ที่ บริเวณพื้นที่สาธารณประโยชน์ริมแม่น้ำปิง เชิงสะพานเม็งราย ต.วัดเกตุ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานและเป็นสักขีพยานในพิธีส่งมอบโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการรองรับและการไหลของแม่น้ำปิง หรือ “โครงการขุดลอกแม่น้ำปิง” เพื่อป้องกันอุทกภัยเขตเมืองเชียงใหม่ระยะเร่งด่วน ระหว่าง พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ส่งมอบโครงการให้กับ นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีผู้บริหารกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนชาวเชียงใหม่ ร่วมพิธี
โครงการดังกล่าวดำเนินการโดยสำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เพื่อแก้ปัญหาการระบายน้ำของแม่น้ำปิงที่ถูกตะกอน หิน ดิน และทรายทับถมกีดขวางทางน้ำเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่เมื่อช่วงเดือนกันยายน ถึง ตุลาคม 2567 เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ภาคการเกษตร รวมถึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สร้างความเสียหายรวมกว่า 5,000 ล้านบาท และยังต้องจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือประชาชนอีกจำนวนมาก
โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล โดยให้สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา โครงการชลประทานเชียงใหม่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินโครงการเร่งด่วน แบ่งการดำเนินการเป็น 5 ตอน ขุดลอกแม่น้ำปิงครอบคลุมระยะทางรวมกว่า 41 กิโลเมตร ตั้งแต่ตำบลสันโป่ง อำเภอแม่ริม ผ่านเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ ลงถึงตำบลสบแม่ข่า อำเภอหางดง ล่าสุด ได้ดำเนินงานแล้วเสร็จสมบูรณ์แล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำ ลดความเสี่ยงน้ำท่วมซ้ำในเขตเมืองในปีนี้ได้เป็นอย่างดี

จากนั้น นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และคณะ ตลอดจนประชาชนชาวเชียงใหม่ ได้ร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลาตะเพียนขาวและปลาสวาย 100,000 ตัว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเชียงใหม่ ลงสู่แม่น้ำปิง เพื่อเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ และฟื้นฟูระบบนิเวศให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวภายในงานว่า การขุดลอกดินตะกอนที่สะสมมานานกว่า 1.7 ล้านลูกบาศก์เมตร ในครั้งนี้ นับเป็นการสร้างความมั่นคงทางน้ำให้กลับคืนสู่พี่น้องชาวเชียงใหม่ พร้อมชื่นชมทุกหน่วยงานที่ทำงานอย่างเข้มแข็งและเดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มความกว้าง ความลึกของแม่น้ำให้รับน้ำหลากได้มากขึ้น และลดปัญหาอุทกภัยของจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนสร้างความมั่นคงในฤดูแล้งให้ประชาชนมีน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค ส่วนทรายที่นำขึ้นมาก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน ซึ่งช่วยลดภาระงบประมาณของภาครัฐได้กว่า 700 ล้านบาท หลังจากนี้จะต้องบำรุงรักษาให้มีความต่อเนื่องและบริหารจัดการน้ำทั้งระบบครอบคลุมทั้งลุ่มน้ำปิงต่อไป อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วมทั้งระบบในทุกจังหวัดนั้นต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก แต่เชื่อว่าจะมีความคุ้มค่ากว่าการจ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทุก ๆ ปี และเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว เพราะช่วยทำให้ประชาชนไม่ประสบกับปัญหาอุทกภัยอีก

CGM48 ยกทีมเสิร์ฟความน่ารัก! เปิดตัวซิงเกิลที่ 10

CGM48 ยกทีมเสิร์ฟความน่ารัก! เปิดตัวซิงเกิลที่ 10 พร้อมกิจกรรม Group Hi-Touch และบูธสินค้าสุดพิเศษที่เมญ่าฯ เชียงใหม่

CGM48 จัดเต็มทั้งเสียงเพลง ความใกล้ชิด และความน่ารักที่ละลายใจแฟนคลับทั่วเชียงใหม่อย่างแท้จริง! เมื่อ CGM48 ยกทัพสมาชิกทั้ง 17 คน ขึ้นเวทีในงาน “CGM48 1st Performance 10th Single & Group Hi-Touch” ภายในงานแฟน ๆ ได้ใกล้ชิดกับไอดอลขวัญใจผ่านกิจกรรม Group Hi-Touch สุดอบอุ่น พร้อมชมการแสดงเปิดตัว ซิงเกิลที่ 10 ที่ผสมผสานดนตรีร่วมสมัยกับกลิ่นอายความเป็นล้านนา ถ่ายทอดโดยสมาชิกทั้งวงด้วยพลังเต็มร้อย

นอกจากนี้ยังมี บูธจำหน่ายสินค้าสุดพิเศษจาก CGM48 ให้แฟนคลับได้เลือกซื้อของที่ระลึกและเก็บโมเมนต์แห่งความประทับใจกลับบ้าน โดยแฟนๆ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 4 และ Nimman Hill ชั้น 6 ศูนย์การค้าเมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์

เซ็นทรัล เชียงใหม่ เปิดตัว “adidas Brand Center” สาขาแรกในภาคเหนือ

 

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ร่วมกับ บริษัท อาดิดาส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมกีฬาและแฟชันระดับโลก เปิดตัว “adidas Brand Center” สาขาแรกในภาคเหนืออย่างเป็นทางการ ณ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส) ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์และแฟชันของภาคเหนือ มอบประสบการณ์ใหม่แห่งการช้อปปิ้งสินค้าและเทคโนโลยีด้านกีฬา ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Here To Create”

พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก คุณสุมิตรา สุขสบาย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการค้าปลีก บริษัท อาดิดาส (ประเทศไทย) จำกัด, คุณพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้อำนวยการ กลุ่มงานปฎิบัติการสาขา เขตภาคเหนือ บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), คุณวีรโชติ ถิรวายามกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เขตภาคเหนือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดงานอย่างเป็นทางการ พร้อมเหล่าเซเลบริตี้ นักกีฬา และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของภาคเหนือ ร่วมเฉลิมฉลองการเปิดร้านในบรรยากาศสุดคึกคัก

ที่สุดของประสบการณ์สปอร์ตครบทุกไลฟ์สไตล์ “adidas Brand Center” ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของอาดิดาสในประเทศไทย โดยสาขาเชียงใหม่ออกแบบภายใต้แรงบันดาลใจจากความเป็นล้านนา ผสมผสานกลิ่นอายของธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เข้ากับดีไซน์ทันสมัยและเทคโนโลยีล้ำยุค เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบพรีเมียมให้กับแฟน ๆ อาดิดาสในภาคเหนือ

ภายในร้านรวบรวมสินค้าครบทุกหมวดจาก 3 แบรนด์ย่อยหลักของอาดิดาส ได้แก่
•adidas Sport Performance – สินค้าและอุปกรณ์กีฬาที่มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยเพิ่มศักยภาพการออกกำลังกาย
•adidas Sportswear – เสื้อผ้าแนวแอคทีฟไลฟ์สไตล์ ที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่
•adidas Originals – แฟชันสตรีทแวร์ที่ผสมผสานดีไซน์คลาสสิกกับเทรนด์ร่วมสมัย พร้อมด้วยสินค้า “Brand Center Exclusive” ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่ adidas Brand Center เท่านั้น

เตรียมสัมผัสความมันครั้งใหม่ของวงการวิ่งเทรลในงาน “PAWFESSIONAL DOG TRAIL SPARTAN RACE 4K 2025” การแข่งขันวิ่งฝ่าสถานีสิ่งกีดขวางคู่กับสุนัขครั้งแรกของประเทศไทย ที่จังหวัดเชียงใหม่

นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมแถลงข่าวการจัดงานวิ่งเทรลสุนัขครั้งแรกของประเทศไทย “Pawfessional Dog Trail Spartan Race 4 กิโลเมตร ครั้งที่ 1” ที่ร้านวอร์มอัพคาเฟ่ งานดังกล่าวจัดขึ้นโดย ห้างหุ้นส่วนจำกัด หน้ายาว เอฟซี และจะจัดขึ้นในวัน เสาร์ที่ 20 ธันวาคม 2568 บนเส้นทางธรรมชาติ บ้านเม็ดบัว 333 สนามยิงปืน ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
locationhttps://maps.app.goo.gl/n19KVqSccBwgS78T8?g_st=il

โครงการนี้เกิดจากประสบการณ์การฝึกสุนัขยาวนานเกือบ 20 ปี มีจุดมุ่งหมายยกระดับมาตรฐานการเลี้ยงสัตว์ พร้อมส่งเสริมให้สังคมตระหนักถึงคุณค่าของการทำกิจกรรมร่วมกับสัตว์เลี้ยง และผลักดันให้สถานที่สาธารณะต่างๆ เปิดรับสุนัขที่ผ่านการดูแลและปรับพฤติกรรมอย่างเหมาะสม

งานนี้เปิดพื้นที่ให้นักวิ่งและคนรักสุนัขร่วมผจญภัยบนเส้นทางเทรลระยะทาง 4 กิโลเมตร ผ่านฐานท้าทายกว่า 23 จุด รวมถึงสถานีอุปสรรคและซิปไลน์ที่เพิ่มความเร้าใจ วิวโดยรอบยังคงความงดงามของธรรมชาติในช่วงหน้าหนาว ทำให้ทั้งเจ้าของและน้องหมาได้สนุกและออกกำลังกายไปพร้อมกัน ผู้เข้าร่วม ไม่จำเป็นต้องมีสุนัข ก็สามารถลงแข่งได้ หรือแม้ไม่ลงแข่งขันก็สามารถเข้ามาเที่ยวชมงานและร่วมสนุกกับบรรยากาศกิจกรรมได้ตามใจชอบ โดยสามารถเลือกแพ็กเกจได้ตั้งแต่ บัตรเข้าชมราคา 250 บาท ไปจนถึงแพ็กเกจ VIP ราคา 4,500 บาท รายละเอียดแพ็กเกจและการสมัครดูได้ที่ เว็บไซต์กิจกรรม https://race.thai.run/pawfessional หรือสอบถามเพิ่มเติมทาง Line ID: @817naaez

งานนี้ยังมี อินฟลูเอนเซอร์และนักผจญภัยชื่อดังหลายท่านเข้าร่วมแข่งขัน อาทิ แรมโบ้พาลุย และ หมอเปลพาลุย สร้างสีสันและแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าร่วม พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษหลังการแข่งขัน ได้แก่ ดนตรีสด (Live Music) ฟู้ดทรัค (Food Trucks) กิจกรรมของรางวัล (Giveaways) โซนชิลล์เอาท์ ตลาดนัดอาหารทั้งของคนและของน้องหมา เวิร์คช็อปของน้องหมาจากโรงพยาบาลและร้านค้าชั้นนำในเชียงใหม่ ช็อปอุปกรณ์นักวิ่ง

กิจกรรมนี้ไม่เพียงสร้างความสนุกและความท้าทายให้ผู้เข้าร่วมเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายเชิงเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ส่งเสริมรายได้ชุมชน และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและกีฬาอย่างยั่งยืน
และนี่คืออีกหนึ่งกิจกรรมที่คนรักสุนัขและสายลุยไม่ควรพลาด เพราะทั้งความสนุก ความท้าทาย และช่วงเวลาดีๆ ระหว่างคุณกับเพื่อนซี้สี่ขา ควบคู่ไปกับการส่งเสริมด้านกีฬา การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจท้องถิ่น

SUN เผยผลประกอบการ 9 เดือน กำไร 159.10 ล้านบาท รวมรายได้ 9 เดือน 2,664.79 ล้านบาท ชี้ผลประกอบการน่าพอใจ เตรียมขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ

บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวโพดหวานแปรรูปและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปอื่น ๆ ภายใต้แบรนด์ “KC” รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 159.10 ล้านบาท และรายได้รวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 2,664.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายช่องทางจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนความร่วมมือกับพันธมิตรในหลายประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUN เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจของ SUN ในไตรมาส 4 ยังคงมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะตลาดในประเทศ ที่ได้อานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้า Ready to Eat (RTE) ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ รวมถึงมีแผนขยายตลาดสินค้า Fresh ผักและผลไม้สดในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของยอดขายในประเทศ สำหรับตลาดต่างประเทศ SUN ได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า FHC Food & Hospitality China 2025 ระหว่างวันที่ 12–14 พ.ย. 2568 เพื่อขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ และเพิ่มสัดส่วนยอดขายในตลาดโลก ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตของรายได้ในช่วงปลายปีให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกัน บริษัทเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและเครื่องจักรอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล พร้อมเสริมศักยภาพการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าแนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีจะยังคงเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ทั้งจากการขยายตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และการบริหารจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้ SUN ก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวต่อไป

Merz Aesthetics ขยายองค์ความรู้เชิงการแพทย์และธุรกิจสู่ภูมิภาค จัดงาน Merz Aesthetics Injectables Roadshow ยกระดับศักยภาพคลินิกความงามไทยสู่มาตรฐานสากล

Merz Aesthetics บริษัทชั้นนำระดับโลก ผู้นำด้านนวัตกรรมความงามทางการแพทย์ ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายเครื่อง Ultherapy® และเวชภัณฑ์ฉีดสำหรับคลินิกเสริมความงามที่ได้รับการยอมรับ ในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ จัดงานสัมมนาวิชาการระดับ Flagship : Merz Aesthetics Injectables Roadshow ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากกรุงเทพฯ และต่อยอดสู่หัวเมืองใหญ่ ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่เพื่อสนับสนุนแพทย์และผู้ประกอบการคลินิกความงามในการยกระดับองค์ความรู้ พัฒนาทักษะการรักษา และเสริมศักยภาพการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

“ปีนี้เป็นปีแรกที่ Merz Aesthetics ขยายเวทีระดับ Flagship สู่ภูมิภาค เพื่อสร้างโอกาสให้แพทย์ และคลินิกพาร์ตเนอร์ได้อัปเดตนวัตกรรมเวชศาสตร์ความงาม เรียนรู้โปรแกรมการรักษา เทคนิคการฉีดที่ปลอดภัย และเข้าใจเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นในธุรกิจความงาม”

ความโดดเด่นของงานสัมมนาปีนี้อยู่ที่การ ถอดรหัส DNA ของยาฉีดของเมิร์ซ ผ่าน 3-2-1 success code ซึ่งสรุปหัวใจสำคัญหลักดังนี้

● Decode 3 – Merz Aesthetics มีผลิตภัณฑ์ยาฉีดระดับโลก 3 แบรนด์หลัก Xeomin (ซีโอมิน) Belotero (เบโลเทโร) Radiesse (เรเดียสซ์)
● Decode 2 – ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์และผู้ป่วยทั่วโลกมายาวนานกว่า 20 ปี
● Decode 1 – มีความมุ่งมั่นในการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกตัว ภายใต้แนวคิด ความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง” (Safety First)”

เนื้อหาในงานจะครอบคลุมการให้ความรู้ถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ฉีดแต่ละตัว เปิดตัวโปรแกรม การรักษาใหม่ เทคนิคการฉีดที่ปลอดภัย รวมทั้งแบ่งปันประสบการณ์การรักษาจริง จากทีม Merz Aesthetics KOL และ Injector Gang

งาน Merz Aesthetics Injectables Roadshow ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับแพทย์และ ผู้ประกอบการคลินิกความงามในการอัปเดตองค์ความรู้เวชศาสตร์ความงามที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านเทรนด์ ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ จากผู้เชี่ยวชาญ ภายในงานยังมีการแบ่งปันมุมมองและกลยุทธ์การบริหารธุรกิจ ความงามแบบที่นำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ช่วยให้คลินิกสามารถพัฒนาบริการให้สอดคล้อง และทันสมัยตอบโจทย์ ผู้เข้ารับบริการได้ดียิ่งขึ้น สร้างความแตกต่าง เพิ่มความเชื่อมั่น และต่อยอดการเติบโตธุรกิจอย่างยั่งยืน ท่ามกลางการแข่งขันในอุตสาหกรรมความงามที่เข้มข้นในปัจจุบัน

Merz Aesthetics ขอเชิญแพทย์และผู้ประกอบการคลินิกความงามในพื้นที่ ภาคเหนือ และภาคกลาง (พิษณุโลก, ลพบุรี และจังหวัดใกล้เคียง) มาร่วมถอดรหัส ปลดล็อกองค์ความรู้เชิงการแพทย์ พร้อมยกระดับ ศักยภาพการให้บริการและการบริหารคลินิกไปพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญจาก Merz Aesthetics สัมผัสแนวคิดและ มุมมองใหม่ในการออกแบบผลลัพธ์การรักษาที่ ปลอดภัย เป็นธรรมชาติ และตอบโจทย์คนไข้เฉพาะบุคคล โดยสามารถเข้าร่วมได้ทั้งรูปแบบ Online และ Onsite เพียงลงทะเบียนล่วงหน้าเท่านั้น

ขอเรียนเชิญแพทย์และผู้ประกอบการคลินิกความงามที่สนใจร่วมเข้าร่วม Merz Aesthetics Injectables Roadshow ตามรายละเอียดดังนี้

● Onsite : จัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00-13.00 น.
ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่
สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ https://forms.gle/YHBgKjYY3nwwM7WV7
● Online: รับชมผ่านระบบ Zoom โดยถ่ายทอดสด ในวัน-เวลา เดียวกันกับ Onsite เท่านั้น
สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ https://forms.gle/ZJxoXDggsHkAzcff6

Merz Aesthetics “ปลดล็อกศักยภาพธุรกิจ พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ของวงการความงาม
Safety First, Confidence Always”

 

 

 

 

 

BAM จับมือ ORN เดินหน้ากลยุทธ์ NPA Partnership เสริมแกร่งธุรกิจ หมุนเร็วแบ่งกำไร ขยายฐานลูกค้าภาคเหนือ

บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ผนึกกำลัง บริษัท อรสิริน กรุ๊ป จำกัด (ORN) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในภาคเหนือ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) เพื่อพัฒนาและบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ให้เกิดมูลค่าเพิ่ม พร้อมต่อยอดสู่การสร้างโอกาสใหม่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย              อย่างยั่งยืน

นางทองอุไร ลิ้มปิติ ประธานกรรมการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM  เปิดเผยว่า BAM ในฐานะผู้นำด้านการบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ ยังคงเดินหน้าขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการและพัฒนาทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้แนวคิด “พลิกทรัพย์ร้าง เป็นทรัพย์สร้างคุณค่าโดยใช้กลยุทธ์สำคัญคือ “NPA Partnership” ซึ่งมุ่งเน้นการผนึกกำลังระหว่าง BAM กับพันธมิตรจากหลายภาคส่วน ทั้งจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาคอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงิน เพื่อร่วมกันพัฒนาทรัพย์ที่มีศักยภาพให้กลับมามีคุณค่าอีกครั้ง สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สินที่ถือครอง ตลอดจนเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจและประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อและที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น นอกจากการสร้างผลตอบแทน ที่ยั่งยืนให้กับองค์กรแล้ว BAM ยังเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ โดย BAM ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างเจ้าของทุน ผู้พัฒนาโครงการ และผู้บริโภค เพื่อให้การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดคุณค่าร่วมในระบบเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

ดร. รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAM กล่าวว่า บริษัท อรสิริน กรุ๊ป จำกัด (ORN) คือหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในภาคเหนือ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์รอการขาย (NPA) ในเขตภูมิภาค และต่อยอดทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุดการผนึกกำลังกันถือเป็นก้าวสำคัญของ BAM ในการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจและความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง BAM จะนำเสนอทรัพย์สินรอการขายให้กับพันธมิตร ORN เพื่อร่วมกันปรับปรุง พัฒนา และเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สินให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด ทั้งในด้านดีไซน์ ฟังก์ชัน และคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย

ปัจจุบัน BAM มีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ภายใต้การบริหารกว่า 28,000 รายการ มูลค่าราคาประเมินรวมกว่า 78,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้ง ที่ดินเปล่า บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ และห้องชุดพักอาศัย สำหรับความร่วมมือในเบื้องต้น ORN ให้ความสนใจทรัพย์ประเภท บ้านเดี่ยว และห้องชุดพักอาศัยซึ่ง BAM มีทรัพย์ในเขตภาคเหนือ

จำนวน 2,689 รายการ มูลค่าราคาประเมินกว่า 9,600 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 1,161 รายการ มูลค่าราคาประเมินประมาณ3,389 ล้านบาท และห้องชุดพักอาศัย 46 รายการ มูลค่าราคาประเมินประมาณ 73 ล้านบาท  

นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์  ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN กล่าวว่า ในฐานะผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภาคเหนือ และ จังหวัดเชียงใหม่ มายาวนานกว่า 19 ปี  มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายหลากหลาย ได้แก่ บ้าน คอนโด ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ รวม 36 โครงการ บริษัทพร้อมต่อยอดโมเดลธุรกิจให้ครบวงจร เสริมสร้างศักยภาพการเติบโตของ ORN การผนึกกำลังกับ BAM ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในการบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ จะเป็นก้าวสำคัญที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ในหลายมิติ โดยเฉพาะการขยายพอร์ตธุรกิจสู่ ตลาดบ้านมือสองในภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN เปิดเผยว่า  สำหรับความร่วมมือระหว่าง บริษัท อรสิริน กรุ๊ป จำกัด บริษัทย่อย ในครั้งนี้  อรสิริน เป็นผู้เลือกประเภททรัพย์ NPA มาปรับปรุง ฟื้นฟู พร้อมอยู่ โดย บริษัท เอเวอร์ไรซ์ เรียลเอสเตท จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับปรุงและฟื้นฟูอสังหาริมทรัพย์ ที่มีประสบการณ์ยาวนาน เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์หลักในการรีโนเวท และขายอย่างครบวงจร เน้นดีไซน์และฟังก์ชัน กำหนดระดับราคาขายที่เหมาะสม วางกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าเป้าหมายเน้นกลุ่ม ชาวต่างชาติ 70% ชาวไทย 30% เพื่อรองรับความต้องการของตลาดบ้านมืองสองในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยวางแผนลงทุนและพัฒนาทรัพย์ ช่วงแรกในปี 2569 มูลค่าทรัพย์ที่จะขายรวมบ้านเดี่ยว อาคารชุด ทั้งหมดประมาณ 30-50 ล้านบาท  ระดับราคาขายตั้งแต่ 2-20 ล้านบาท โดยใช้เวลาในการรีโนเวทประมาณ 3-6 เดือน

ด้วยกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่ชัดเจนของ ORN ประกอบกับความแข็งแกร่งของ BAM และความเชี่ยวชาญด้านการรีโนเวทที่มีเอกลักษณ์ของ เอเวอร์ไรซ์ เรียลเอสเตท จำกัด ถือเป็นการร่วมมือที่มีศักยภาพและครบวงจร ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์ และความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งเปิดมิติใหม่ให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือตอนบน

 

ทรู คอร์ปอเรชั่น ประสาน ปภ. กสทช. รับมือพายุ “คัลแมกี” พร้อมทีมเครือข่ายเฝ้าระวังพื้นที่ 66จังหวัดเสี่ยงรับมือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 – ทรู คอร์ปอเรชั่น ประสานความร่วมมือกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เตรียมรับมือพายุ “คัลแมกี (KALMAEGI)” ที่คาดการณ์อาจส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ระหว่างวันที่ 7–9พฤศจิกายน 2568 โดยทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมสนับสนุนการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast Service (CBS) และ SMS ให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงได้รับข้อมูลอย่างทันท่วงที โดย ปภ. เป็นหน่วยงานภาครัฐดูแลการออกประกาศเตือนภัยและกำหนดรูปแบบข้อความอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งเตรียมประสานงาน กสทช. อย่างใกล้ชิดกรณีเกิดอุทกภัย เผยทีมเน็ตเวิร์กทรูนำรถโมบายล์สถานีฐานเคลื่อนที่เร็ว หรือ COW เตรียมพร้อมจุดสำคัญต่างๆ และตรวจสอบสถานีฐานเพื่อรองรับหากเกิดเหตุตามแผนฉุกเฉิน

พร้อมกันนี้ ทีมเน็ตเวิร์กทรูได้เตรียมความพร้อมสูงสุดใน 66 จังหวัดเสี่ยงภัยทั่วประเทศ จากข้อมูลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เมื่อ 6 พ.ย. 2568 โดยจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานีฐาน และเตรียมติดตั้งอุปกรณ์สำรองเพื่อให้บริการสื่อสารไม่สะดุดหากเกิดเหตุฉุกเฉินจากพายุ “คัลแมกี”

  • ภาคเหนือ 17 จังหวัด อาทิ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร เป็นต้น
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด อาทิ  เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี เป็นต้น
  • ภาคกลางและตะวันออก 23 จังหวัด อาทิ กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ปทุมธานี เป็นต้น
  • ภาคใต้ 5 จังหวัด อาทิ พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
  • กรุงเทพมหานคร

มาตรการเร่งด่วนของทรู คอร์ปอเรชั่น เพื่อรองรับสถานการณ์พายุ “คัลแมกี”

  1. จัดเตรียมเครื่องปั่นไฟ น้ำมันสำรอง และแบตเตอรี่สำรองสำหรับสถานีฐานกรณีไฟฟ้าถูกตัดจากน้ำท่วม
  2. จัดเตรียมรถโมบายล์สถานีฐานเคลื่อนที่เร็ว (Cell on Wheels: COW) เพื่อเสริมสัญญาณในจุดวิกฤต
  3. เตรียมยานพาหนะ 4WD และเรือท้องแบนสำหรับเข้าพื้นที่ประสบภัย
  4. จัดทีมซ่อมบำรุงฉุกเฉินและอุปกรณ์สำรองเพื่อให้ระบบสื่อสารทำงานต่อเนื่อง
  5. ประสานงานกับหน่วยงานรัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย
  6. BNIC – ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ พร้อมระบบ AI Network Monitoring ดูแลและบริหารเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง

ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมในการดูแลระบบสื่อสารทั้งมือถือและอินเทอร์เน็ตบ้านให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อสื่อสารและรับข่าวสารสำคัญได้แม้ในยามวิกฤต ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าทำงานร่วมกับ กสทช. และ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในทุกสถานการณ์

มหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 20 ภายใต้แนวคิด “Resilient Wealth การสร้างความมั่งคั่งทางการเงินแบบยืดหยุ่นเพื่อความยั่งยืน”

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง  นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วม และแขกผู้มีเกียรติร่วมกันเปิดงานมหกรรมการเงิน MONEY EXPO ที่เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

นางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วม งานมหกรรมการเงิน MONEY EXPO เปิดเผยว่า งานมหกรรมการเงินเชียงใหม่ ครั้งที่ 20 MONEY EXPO 2025 CHIANGMAI ที่วารสารการเงินธนาคาร จัดขึ้นวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2568 ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้แนวคิด“Resilient Wealth การสร้างความมั่งคั่งทางการเงินแบบยืดหยุ่นเพื่อความยั่งยืน” เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“ผู้เข้าชมงานสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและการลงทุนครบวงจรในที่เดียว ทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต สินเชื่อธุรกิจ SME เงินฝากทุกประเภท กองทุนรวม รวมถึงประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันภัย พร้อมรับข้อเสนอพิเศษจากธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ อาทิ สินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ย 0% 3 เดือนแรก (เฉลี่ย 3 ปี 2.85% ต่อปี) เงินฝากปลอดภาษี 48 เดือน ดอกเบี้ย 2% ต่อปี สินเชื่อธุรกิจ SME ดอกเบี้ย 2.99% ต่อปี นาน 3 เดือนแรก ทรัพย์ NPA ลดสูงสุด 70% ซื้อประกันในงาน ผ่อน 0% นาน 6 เดือน ลุ้นรับ iPhone16 Pro Max / Samsung Galaxy S25 (เมื่อชำระเบี้ยตามเงื่อนไขของบริษัท) สินเชื่อรถ ดอกเบี้ย 2.89% ต่อปี ตรวจข้อมูลเครดิต ฟรี! โดย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ NCB ในงาน #กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

 

มาดามหยก นำทีม Change Together & Indy แต่งชุดไทย ร่วมขบวนกระทง (ยี่เป็ง) เชียงใหม่

ประเพณีลอยกระทงมีมานานตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ประมาณ พ.ศ. 1800 นางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์สนมเอกของพระร่วง ได้คิดประดิษฐ์ดัดแปลงรูปกระทงดอกบัวแทนการลอยโคม เมื่อสมเด็จพระร่วงเจ้าได้เสด็จฯทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรงพอพระราชหฤทัย จึงมีพระราชโองการให้จัดพิธีลอยกระทงเป็นประจำทุกปี ในคืนวันเพ็ญเดือน 12 พระราชพิธีนี้จึงได้ถือปฏิบัติกันมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ฯลฯ

กชพร เวโรจน์ (มาดามหยก) ประธานชมรม Change Together & Indy Team  byมาดามหยก ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยนั่งรถขบวนหมายเลข 9  พร้อมดึงคุณไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา และเก้า นพเก้า เดชาพัฒนคุณ พระเอกชื่อดังสังกัดช่อง 3 และชมรม Change Together & Indy Team byมาดามหยก สร้างสีสันตลอดเส้นทาง ซึ่งขบวนมาดามหยกเป็นขบวนจิตอาสา หลอมรวมผู้คนจากทุกเพศทุกวัย หลากหลายอาชีพทั่วประเทศ ที่มีหัวใจเดียวกัน ขบวนนี้น้อมเทิดถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา และพระปรีชาสามารถ ด้านศาสนาศิลปะ และวัฒนธรรมไทย ทรงเป็นแบบอย่างความงดงามในการสื่อสานผ้าไทย ให้ปรากฏแก่สายตานานาชาติ ได้เห็นถึงอัตลักษณ์ความอ่อนช้อย วิจิตรงดงาม ทรงคุณค่า ของชนชาติไทย

โดยแรงบันดาลใจ เกิดจากด้วยแรงศรัทธา และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ชมรม Change Together & Indy Team byมาดามหยก ขอน้อมนำแนวทางพระราชดำริ และแนวทางพระราชปณิธาน ที่จะเป็นแรงบันดาลใจ ในการสืบสานรักษาและต่อยอดคุณค่า ทางศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ให้รุ่งเรืองคู่กับแผ่นดินสยาม ตราบนานเท่านาน