อบจ.เชียงใหม่ เดินหน้าแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ลงพื้นที่ติดตามโครงการขุดลอกลำน้ำในอำเภอสารภี

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2568 นายสมชาติ วัฒนากล้า รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการขุดลอกลำน้ำในพื้นที่อำเภอสารภี เพื่อเร่งฟื้นฟูระบบระบายน้ำและบรรเทาปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมาอย่างยาวนาน

โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อขุดลอกตะกอนดินและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำตลอดลำน้ำในพื้นที่อำเภอสารภี โดยเริ่มตั้งแต่ บ้านล้องปู่หม่น หมู่ที่ 11 ต.สันทราย ขุดลอกขึ้นไปจนถึง ต.ขัวมุง รวมระยะทางกว่า 4,500 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำที่รองรับน้ำจากหลายตำบลการขุดลอกในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำและลดความเสี่ยงที่น้ำจะเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนของประชาชน

นายสมชาติกล่าวว่า “โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการบริหารจัดการน้ำของ อบจ. เชียงใหม่ ที่มุ่งมั่นจะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน การลงพื้นที่ครั้งนี้ทำให้เราเห็นความก้าวหน้าของการทำงานและสามารถเร่งรัดให้โครงการแล้วเสร็จตามกำหนด เพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอสารภีได้คลายความกังวลจากปัญหาน้ำท่วม”

การดำเนินงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกัน และแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ทันท่วงที แต่ยังเป็นการฟื้นฟูระบบนิเวศทางน้ำให้กลับคืนสู่สภาพที่สมบูรณ์อีกครั้ง ซึ่งหวังว่าจะส่งผลดีต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในระยะยาว

ทชม. พาคณะสื่อมวลชนศึกษาดูงานเส้นทางการบิน ณ สาธารณรัฐเกาหลีใต้

เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีนาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร พนักงาน และสื่อมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ร่วมเดินทางศึกษาดูงาน ณ สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 12-16 สิงหาคม 2468 ที่ผ่านมา

โดยการศึกษาดูงานครั้งนี้ มีไฮไลต์สำคัญคือการเยี่ยมชมท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน ซึ่งเป็นสนามบินระดับโลกที่มีระบบบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการให้บริการ การจัดสรรพื้นที่เชิงพาณิชย์ การสร้างรายได้นอกเหนือจากธุรกิจการบิน การเปิดพื้นที่แสดงศิลปวัฒนธรรม รวมถึงการออกแบบสภาพแวดล้อมภายในสนามบินให้มีชีวิตชีวา สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมีเอกลักษณ์ โดยปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่ อยู่ระหว่างกระบวนการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อรองรับโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2569 การศึกษาดูงานครั้งนี้จึงถือเป็นการเตรียมความพร้อมเชิงแนวคิดและการบริหารจัดการ เพื่อประยุกต์ใช้กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีความทันสมัยและตอบสนองต่อความต้องการของผู้โดยสารในอนาคต

นอกจากนี้ ทชม. ยังได้คัดเลือกสถานที่ศึกษาดูงานอื่น ๆ ที่สะท้อนถึงแนวทางการพัฒนาท่าอากาศยานในมิติต่าง ๆ อย่างครอบคลุม ทั้งในด้านการสร้างประสบการณ์แบบครบวงจร การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การออกแบบพื้นที่ให้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และการส่งเสริมสินค้าและบริการของท้องถิ่น เพื่อนำแนวคิดเหล่านี้ไปปรับใช้ในการยกระดับการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ให้สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ โดยเฉพาะจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องและมีกำลังซื้อมั่นคง

นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ถือเป็นกลุ่มตลาดสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้เดินทางเข้ามาแล้วกว่า 165,000 คน มีเส้นทางบินตรงระหว่างเชียงใหม่ – อินชอน จำนวน 62 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และเส้นทางเชียงใหม่ – ปูซาน อีก 4 เที่ยวบิน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด ให้บริการโดย 5 สายการบินชั้นนำของเกาหลีใต้ ได้แก่ Korean Air, Jeju Air, Asiana Airlines, Jin Air และ Eastar Jet แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันยังมุ่งสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภาคการบิน การท่องเที่ยว และภาคธุรกิจในพื้นที่ เพื่อยกระดับสินค้า OTOP สินค้าแฮนด์เมด กาแฟ คาเฟ่ โรงแรมบูติก และกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมของเชียงใหม่ ให้มีความโดดเด่น สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ธรรมชาติ และประสบการณ์เชิงวัฒนธรรม

ด้านนายพัฒนพงษ์ พงษ์ทองเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประจำกรุงโซล ให้ข้อมูลว่า นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ให้ความสนใจจังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าเชียงใหม่คือเมืองแห่งธรรมชาติ เมืองสุขภาพ และเมืองศิลปวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มักเดินทางซ้ำ หากสามารถพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ได้ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่อย่างยั่งยืน

จากข้อมูลของ ททท. พบว่า ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้เดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 1.6 ล้านคน และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 ล้านคนในปี 2568 โดยจังหวัดเชียงใหม่มีนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 12 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงานและครอบครัวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรม

ท่าอากาศยานเชียงใหม่จึงพร้อมทำหน้าที่ “ผู้เปิดโลกทัศน์” เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชน ในการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดให้เติบโตอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของอัตลักษณ์ท้องถิ่น ควบคู่กับแนวคิดการบริหารจัดการในระดับสากล เพื่อสร้างความประทับใจสูงสุดแก่ผู้มาเยือนจากทั่วโลก

 

 

SUN โกยรายได้ครึ่งปีแรกโต 12.3% กวาดกำไร 134.7 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติปันผล 0.10 บาท/หุ้น พร้อมรุกตลาดเต็มสูบ

บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวโพดหวานแปรรูปและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ “KC” โชว์ผลงานครึ่งปีแรกของปี 2568 ที่เติบโตอย่างน่าพอใจ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจผันผวน โดยมีรายได้รวมและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUN เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 1,788.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไร 134.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% โดยในไตรมาส 2/2568 บริษัทมีรายได้รวม 961.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3% และกำไร 86.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยสำคัญมาจากการขยายช่องทางจำหน่ายและการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ อาทิ เกาหลี ไต้หวัน และญี่ปุ่น

แผนธุรกิจครึ่งปีหลัง: ปั้นรายได้สินค้าพร้อมทาน-รุกตลาดสะดวกซื้อต่างประเทศ

นายองอาจกล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าโครงการก่อสร้างอาคารและติดตั้งเครื่องจักรเพื่อผลิตข้าวโพดหวานแปรรูปแบบกล่อง Tetra Recart เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของผลิตภัณฑ์ สินค้าพร้อมทาน ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากกระแสสุขภาพ บริษัทฯ ตั้งเป้าผลักดันรายได้จากกลุ่มนี้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตและเปิดตัวสินค้าใหม่ 1-2 ตัวต่อไตรมาส เพื่อรองรับดีมานด์

ในด้านการส่งออก บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการรับมือกับความผันผวนของค่าเงินบาท โดยกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาถึงความเป็นไปได้ในการใช้เงินสกุลต่างๆในการซื้อขายกับคู่ค้าต่างประเทศ

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาสินค้า พร้อมทาน ซึ่งจะช่วยให้สามารถขยายตลาดในต่างประเทศได้กว้างขึ้น โดยเฉพาะการรุกเข้าสู่ร้านสะดวกซื้อในต่างประเทศ

อนุมัติปันผลระหว่างกาล 0.10 บาท/หุ้น ตอบแทนผู้ถือหุ้น
จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 (1 มกราคม 2568 – 30 มิถุนายน 2568) ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา หุ้นละ 0.10 บาท โดยกำหนด ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 สิงหาคม 2568 และกำหนด จ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 กันยายน 2568

 

UN ลงนามก่อสร้างโรงงานผลิตข้าวโพดหวาน Tetra Recart ตอกย้ำผู้นำอุตสาหกรรมอาหารยั่งยืน

เชียงใหม่ – บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ผู้ผลิตและส่งออกข้าวโพดหวานชั้นนำของไทย เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมอาหารสู่มาตรฐานสากล ลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างโรงงานผลิตข้าวโพดหวานในบรรจุภัณฑ์ Tetra Recart ร่วมกับ บริษัท เน็กซ์พลัส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด มูลค่าการก่อสร้าง 28.5 ล้านบาท และมูลค่าโครงการรวมกว่า 240 ล้านบาท ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG (Environmental, Social, and Governance) เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

พิธีลงนามสัญญาจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ โรงงานของ SUN ในอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUN และ นายอรรถวิทย์ รัตนัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์พลัส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ร่วมลงนาม พร้อมด้วยผู้บริหารจาก บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) ในฐานะเจ้าของโครงการ และ บริษัท อาร์ชิแพลน จำกัด ในฐานะผู้ออกแบบ

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUN เผยว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือกับ Tetra Pak เพื่อพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ข้าวโพดหวานในกล่อง Tetra Recart ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจแล้ว ยังสอดคล้องกับนโยบายด้านความยั่งยืนของบริษัทอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยสู่มาตรฐานระดับโลก และยังรองรับตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพสูงอย่างญี่ปุ่น เกาหลี และยุโรป ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท หลังโครงการแล้วเสร็จ โครงการดังกล่าวมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2569 รวมระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 210 วัน โดยอาคารผลิตแห่งใหม่นี้มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 2,000 ตารางเมตร

นายอรรถวิทย์ รัตนัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์พลัส เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด กล่าวขอบคุณ SUN ที่ให้ความไว้วางใจ “เราให้คำมั่นว่าจะตั้งใจดำเนินงานโครงการนี้ให้สำเร็จลุล่วงตามกำหนดเวลา และส่งมอบงานที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล เพื่อให้โรงงานแห่งนี้เป็นต้นแบบของความสำเร็จในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร และหวังว่าจะเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับ SUN ต่อไปในอนาคต”

โครงการโรงงานผลิตข้าวโพดหวานบรรจุกล่อง Tetra Recart ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของ SUN ในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน และตอกย้ำภาพลักษณ์องค์กรที่มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารที่มีคุณภาพ ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม

เปิดตัวสมาคม “ภาพยนตร์และสื่อดิจิทัลภาคเหนือ “ พร้อมกับงานใหญ่แห่งปี เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเชียงใหม่ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 โดยมีนายแพทย์ธีรพัฒน์ ตันพิริยะกุล รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่,นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ,นางกรวรรณ สุ่มมาตย์, ดร.อดิศร สุดดี นายกสมาคมภาพยนตร์และสื่อดิจิทัลภาคเหนือ ,ผศ.นันทสิทธิ์ กิตติวรากูล หัวหน้าศูนย์นวัตกรรมการสื่อสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,นายพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้อำนวยการกลุ่มงานปฏิบัติสาขาเขตภาคเหนือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และนางสาวกาญจนา จันต๊ะเจริญ Area Manager บริษัท เมเจอร์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันแถลงข่าวการเปิดตัวสมาคมภาพยนตร์และสื่อดิจิทัลภาคเหนือ Northern Film & Digital Media Association (NTFD) อย่างเป็นทางการ

ดร.อดิศร สุดดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็มจีวาย เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด กล่าวว่าการได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมภาพยนตร์และสื่อดิจิทัลภาคเหนือ Northern Film & Digital Media Association (NTFD) จากจุดเล็ก ๆ ที่แตกต่าง สู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ กับการรวมตัวของเครือข่ายนักเล่า เรื่อง ผู้สร้างสรรค์ และผู้ผลักดันอุตสาหกรรมสื่อให้เติบโตไปด้วยกัน จากผู้ประกอบการผู้ผลิต รวมถึงศิลปิน นักแสดง ผู้กำกับ นักเขียน ทั้งบุคลากรทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ได้รวมพลังกันในนามองค์กรภายใต้ สมาคมฯ เพื่อเชื่อมโยงศักยภาพในภูมิภาค สานต่อพันธกิจขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบันเทิงในหลากหลายมิติเปิดประตูสู่ “โอกาส” ก้าวสู่ในระดับประเทศ และนานาชาติ

จังหวัดเชียงใหม่มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและแสดงสินค้า ระดับนานาชาติ (Mice city) และเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก (tourism hub) อีกทั้งมีความพร้อมทางด้าน โครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม และโลจิสติกส์ รวมทั้งมีโรงแรมและศูนย์ประชุมที่มีมาตรฐานระดับนานาชาติ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย และ ประวัติศาสตร์อันยาวนาน โบราณสถานที่ทรงคุณค่า ศิลปวัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงาม โดยได้ถูกถ่ายทอด เรื่องราวในหลากหลายมิติผ่านภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศมาแล้วมากมาย ทางสมาคมภาพยนตร์และสื่อ ดิจิทัลภาคเหนือ จึงได้มีแนวคิดจัด “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเชียงใหม่ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 Chiang Mai Internation film Festival 2025 ” ขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคโดยได้บูรณาการความร่วมมือ องค์กรภาครัฐและ เอกชน เพื่อเป็นการพัฒนาวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมคุณค่าทางวัฒนธรรม ผลักดัน Soft Power ไทยในหลากหลายมิติ และนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยวในระยะยาว ส่งผลต่อการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เมือง และประเทศ สู่สายตานานาชาติ

ทั้งนี้ ได้กำหนดการจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 28 – 30 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต,โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์กรุ๊ป และพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยภายในงานได้จัดการประกวด หนังสั้น CIFF Short Film Contest 2025 ชิงเงินสนับสนุนและรางวัลกว่า 600,000 บาท,การฉายภาพยนตร์ที่ผ่าน เข้ารอบสุดท้าย และภาพยนตร์นานาชาติ กว่า 10 ประเทศ, การเสวนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ CIFF Talk, เดิน พรมแดงแฟชั่นโชว์ Red Carpet & Fashion Show จากศิลปิน นักแสดง ผู้จัด, การแลกเปลี่ยนความรู้และสร้าง เครือข่าย CIFF Exhibition & Show Case, เปิดโอกาสการเจรจาธุกิจ CIFF Business Networking, การมอบ รางวัล CIFF Awards & CFF Star Awards ให้กับผลงานด้านภาพยนตร์สั้น และนักแสดงที่มีผลงานโดดเด่นทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ สำหรับการจัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ซึ่งถือเป็นการจัดงานเต็มรูปแบบที่เกิดขึ้นครั้ง แรกในจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ผนึกกำลังพันธมิตร เตรียมพร้อมรับการตรวจประเมินด้านการรักษาความปลอดภัยจาก ICAO

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 พลอากาศเอกมนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) พร้อมด้วยนายศรัณย เบ็ญจนิรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาเศรษฐกิจการบิน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการตรวจประเมินด้านการรักษาความปลอดภัย จากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ภายใต้โครงการ Universal Security Audit Programme – Continuous Monitoring Approach (USAP-CMA) ซึ่งมีกำหนดในช่วงปลายปีนี้ โดยมีนายวิสูตร คำยอด รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (สายปฏิบัติการและบำรุงรักษา) พร้อมผู้บริหารท่าอากาศยานเชียงใหม่ ผู้แทนฝ่ายมาตรฐานและควบคุมคุณภาพการรักษาความปลอดภัยกิจการการบิน ทอท. ผู้แทนสายการบิน ผู้ให้บริการภาคพื้น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและนำเสนอข้อมูลความคืบหน้าการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของ CAAT

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ถือเป็นท่าอากาศยานสำคัญของประเทศไทย ที่มีบทบาทรองรับผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ ด้วยเที่ยวบินตรงสู่กว่า 30 จุดหมายปลายทางใน 12 ประเทศ มีเที่ยวบินเฉลี่ย 180 เที่ยวต่อวัน และมีผู้โดยสารกว่า 25,000 คนต่อวัน โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินงานตามมาตรฐาน ICAO และ CAAT อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เพื่อยกระดับความพร้อมในการตรวจประเมิน ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้ร่วมมือกับสายการบิน ผู้ให้บริการภาคพื้น และหน่วยงานต่าง ๆ เร่งดำเนินการปรับปรุงพื้นที่และกระบวนการบางส่วนให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการให้บริการในระยะสั้น ท่าอากาศยานเชียงใหม่จึงเตรียมมาตรการรองรับและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดต่อผู้โดยสาร การตรวจประเมินจาก ICAO ในครั้งนี้นับเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบการรักษาความปลอดภัยด้านการบินของประเทศไทย และจะส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์และสถานะของประเทศในอุตสาหกรรมการบินระหว่างประเทศ

“เสน่ห์สายฝน..มนต์ปทุมมา” 15 ส.ค. – 15 ก.ย.68 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่


ชวนคุณมาสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งฤดูฝนผ่านความงามของดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานงดงามทั่วอุทยานหลวงราชพฤกษ์ อาทิ
🌷ดอกปทุมมา..ราชินีแห่งป่าฝน กว่า 22 สายพันธุ์
🪷ดอกบัว..ราชินีแห่งไม้น้ำ
🌸กล้วยไม้นานาพันธุ์
🌺ดอก ‘ดอนญ่า’ หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งดอนญ่าควีนสิริกิติ์ (สีชมพูอ่อน) ดอนญ่าลูซ (ชมพูอมส้มเข้ม) ดอนญ่าขาวหรือดอนญ่าออโรร่า (สีขาว) และดอนญ่าแดง

พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย ภายใต้แนวคิด “Garden in the Rain ” อาทิ
– เส้นทางปทุมมา (Bloom Trail) เดินชิลท่ามกลางสีสันของดอกไม้ พร้อมกิจกรรมตามล่าหา RC ลุ้นของรางวัลสุดพิเศษ
– Workshop ศิลป์ปทุมมา (Bloom Art) ที่จะให้คุณได้สร้างสรรค์งานศิลปะจากพรรณไม้ฤดูฝน เช่น ร้อยรักปทุมมา, เรซิ่นพรรณไม้, Herbarium Bloom
– นิทรรศการความรู้ “บานแล้วบานเล่า” ถ่ายทอดเรื่องราวและความสำคัญของดอกปทุมมาและพืชพรรณฤดูฝน
พิเศษ..เที่ยวคุ้มรับกรีนซีซั่นกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ
โปรโมชั่นวันธรรมดา (จันทร์–ศุกร์) สิทธิพิเศษสำหรับคนไทย!
รับส่วนลดค่าบัตรเข้าชม 30% เหลือเพียง 70 บาท/ท่าน เพียงกดติดตามแฟนเพจ, TikTok หรือเพิ่มเพื่อนใน LINE OA ก็รับสิทธิ์ได้ทันที

โปรโมชั่นวันหยุด (เสาร์–อาทิตย์/นักขัตฤกษ์) สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
รับคูปองส่วนลด 30% สามารถเลือกใช้เป็นส่วนลดสำหรับเช่าจักรยาน หรือใช้ซื้อเครื่องดื่มที่ HRDI Café และของที่ระลึกคุณภาพดีจากร้านที่ร่วมรายการ
ชวนครอบครัว คนที่คุณรัก และเพื่อนรู้ใจ มาสัมผัสความสดชื่นของธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางสวนสวยพร้อมเปิดโลกเรียนรู้เรื่องราวของพรรณไม้และการดูแลสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน มาร่วมเก็บเกี่ยวความทรงจำสุดพิเศษในฤดูฝนนี้ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่
อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ เปิดให้ชมสวนทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติม 053-114110-2

มูลนิธิสวนดอก รพ.มหาราชเชียงใหม่ จัดงาน “คู่แท้ต่อชีวิต” เปิดรับบริจาคสเต็มเซลล์ ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเลือด พร้อมเปิดเวทีเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษามะเร็งโลหิตด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์

เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา จ.เชียงใหม่ นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน “คู่แท้ต่อชีวิต” และงานเสวนา “การรักษามะเร็งโลหิตด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์” โดยมี มูลนิธิสวนดอก โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ทําหน้าที่เป็นกลไกลสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาด้านการแพทย์ ตลอดจนการช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ซึ่งเป็นภารกิจที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อสังคม โดยมี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชน เข้าร่วมเปิดงาน
สำหรับงาน “คู่แท้ต่อชีวิต” เป็นงานที่เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมบริจาคสเต็มเซลล์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเลือด พร้อมทั้งได้รับฟังการเสวนาให้ความรู้หัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ การรักษามะเร็งโลหิต ด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ,การแบ่งปันประสบการณ์อันล้ำค่า ของผู้ต่อลมหายใจให้ผู้ป่วยโรคเลือด ,สเต็มเซล์กับชีวิตที่เกิดใหม่ นอกจากนี้ ยังมี กิจกรรมชมนิทรรศการ ,ดนตรี และเล่นเกมศ์ชิงรางวัล อีกด้วย
นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สเต็มเซลล์ คือ ความหวังของผู้ป่วยโรคร้ายแรง โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ซึ่งหลายกรณีจำเป็นต้องได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากผู้บริจาคที่มีรหัสพันธุกรรมเข้ากันได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสําคัญที่จะทำให้ผู้บริจาคสามารถ “ให้ชีวิตใหม่” กับผู้ป่วยได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ผู้ป่วยจะพบผู้บริจาคที่เข้ากันได้มีเพียง 1 ในหลายหมื่นคน ดังนั้น การสร้างความตระหนักรู้และผลักดันให้ประชาชนเข้าร่วมเป็น “ผู้บริจาคสเต็มเซลล์” จึงเป็นภารกิจสําคัญที่เราทุกคนต้องช่วยกัน
ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนมาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งปันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ “การให้ชีวิต” ด้วยการบริจาคสเต็มเซลล์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเลือดให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว โดยภายในงานได้เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมบริจาคโลหิต จากภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 10 เซียงใหม่ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในพื้นที่ชายแดน อีกด้วย

Lanna wellness trail 2025 สนามที่ 2 ดอยนาเมาะ-ดอยงุ้ม จังหวัดเชียงใหม่-จังหวัดลำพูน

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2568 นางเกศกนก  เดชมา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูนเป็นประธานในพิธีเปิด Lanna wellness trail 2025  สนามที่ 2 ดอยนาเมาะ-ดอยงุ้ม จังหวัดเชียงใหม่-จังหวัดลำพูน กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน มีความโดดเด่นทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ จึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้น  การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภายในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 กิจกรรม Wellness Trail ภายใต้กิจกรรมหลักที่ 3 : FIGHING & SPORT โครงการส่งเสริมและพัฒนา Soft Power เพื่อเป็นต้นทุนพัฒนาต่อยอดการท่องเที่ยวมูลค่าสูง ตามแผนปฏิบัติราชการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 การจัดกิจกรรม Lanna wellness trail 2025 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และกิจกรรมการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

2 . เพื่อเสริมสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในพื้นที่กลุ่มจังหวัดอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

3.  เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวทางเลือกของกลุ่มจังหวัด

กิจกรรมการวิ่งเทรลนับว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สร้างสรรค์ สามารถสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นการออกกำลังกายที่ส่งผลให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 จึงกำหนดจัดกิจกรรม Lanna Wellness Trail 2025 ขึ้นเพื่อส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 และเพื่อเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยว  เชิงกีฬาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภายในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เพิ่มมากขึ้น

Lanna wellness trail เป็นการวิ่งผจญภัยในพื้นที่ธรรมชาติ วิ่งขึ้นภูเขา วิ่งในพื้นที่ป่า วิ่งไปเจอทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตาในแต่ละพื้นที่ นักวิ่งจะได้สัมผัสกับบรรยากาศ ในระหว่างทางในการวิ่งแต่ละเส้นทาง สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการวิ่งเทรล โดยมีกำหนดจัดกิจกรรม ทั้งสิ้น 4 สนาม ประกอบด้วย

สนามที่ 1 ผาหอบ จังหวัดลำปาง ในวันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2568   ณ สำนักสงฆ์วนาธรรม (บ้านเกี๋ยง) ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย

สนามที่ 2 ดอยนางเมาะ-ดอยงุ้ม จังหวัดเชียงใหม่-จังหวัดลำพูน ในวันนี้ วันอาทิตย์ที่  3 สิงหาคม 2568 ณ โรงเรียนออนใต้วิทยา ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่         

สนามที่ 3 ดอยขุนตาล จังหวัดลำพูน ในวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2568  ณ สะพานขาวทาชมภู ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน     

และสนามที่ 4 สนามสุดท้าย ดอยธง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในวันอาทิตย์ที่   31 สิงหาคม 2568 ณ โรงเรียนบ้านน้ำฮู ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

โดยรับสมัครผู้เข้าร่วมการวิ่งจากทั่วประเทศ จากเพจ Lanna wellness trail 2025 มีผู้เข้าร่วมสมัครทั้งสิ้น 1,000 คน แบ่งเป็นสนามละ 250 คน และในครั้งนี้เป็นสนามที่ 2 พื้นที่ อำเภอสันกำแพงจังหวัดเชียงใหม่ เชื่อมโยงอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน กิจกรรมครั้งนี้ต้องขอขอบคุณ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 หน่วยงานภาครัฐหน่วยงานภาคเอกชนทุกแห่ง ที่ให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในทุกๆด้าน ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ให้ความร่วมมือด้วยดีตลอดมา

 

“ตลาดน้ำวันวาน ปีที่ 2”

เซ็นทรัล  เชียงใหม่ ขอพาย้อนวันวานไปกับ “ตลาดน้ำวันวาน ปีที่ 2” พร้อมดื่มด่ำกับมนต์เสน่ห์ของท่าเรือย้อนยุคของภาคเหนือ ให้มาร่วมรำลึกความหลัง เพลิดเพลินไปกับสารพัดเมนูอาหารและขนมหวานในความทรงจำ ความสนุกและเสียงเพลงพาหวนวันวานไปพร้อมๆกัน

ยกเมนูหาทานยาก ที่รวมไว้กว่า 100 เมนู อาทิ ข้าวห่อใบบัว , ข้าวแช่ชาววัง ,โรตีหยอดเหรียญ ,ไข่ปิ้ง , ไอติมเขย่า เพลิดเพลินกับการแสดงร้องเพลงลูกทุ่ง ลูกกรุง ตื่นตาตื่นใจกับการแสดงฟ้อนรำพื้นบ้าน สุดอลังการ และรำกลองยาว พร้อมกิจกรรมความสนุกสนานอีกมากมาย

แล้วพบกัน วันที่ 6-17 สิงหาคม 2568
ที่ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส)