นายกสมาคมภาพยนตร์ฯ เหนือเปิดตัวเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเชียงใหม่ ประจำปี 2568 ครั้งที่ 1

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การค้า เซนทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ,ดร.อดิศร สุดดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็มกรุ๊ปโกลบอล มีเดีย จำกัด (MGM) และ บริษัท เอ็มจีวาย เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด (MGY)  และนายกสมาคมภาพยนตร์ และสื่อดิจิทัลภาคเหนือ (NTFD) แขกผู้มีเกียรติ ร่วมกันเปิดงาน เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเชียงใหม่ ประจำปี 2568 ครั้งที่ 1

ด้วยจังหวัดเชียงใหม่มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและแสดงสินค้าระดับนานาชาติ (Mice City) และเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก (tourism hub) อีกทั้งมีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม และโลจิสติกส์ มีโรงแรมและศูนย์ประชุมที่มีมาตรฐานระดับนานาชาติ อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลาย โบราณสถานที่ทรงคุณค่างดงามด้วยศิลปะและวัฒนธรรม อุดมด้วยธรรมชาติที่สวยงาม โดยได้ถูกถ่ายทอดเรื่องราวในหลากหลายมิติผ่านภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศมาแล้วมากมาย

ทางสมาคมภาพยนตร์สื่อและดิจิทัลภาคเหนือ จึงได้มีแนวคิดจัด “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเชียงใหม่ ประจำปี 2568 Chiang Mai International Film Festival 2025” ขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคโดยได้บรูณาการความร่วมมือ องค์กรภาครัฐและเอกชน เพื่อเป็นการพัฒนาวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์

โดยในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 นั้นได้จัดการประกวดภาพยนตร์สั้น CIFF Short Film Award 2025 โดยมีผลงานส่งเข้ามามากกว่า 100 เรื่องราว พร้อมการสนับสนุนภาพยนตร์ Feature Film จากประเทศนานาชาติ เปิดเทศกาลโดย ภาพยนตร์เรื่อง ตาโขน จากประเทศไทย และยังมีภาพยนตร์จาก ประเทศจีน ประเทศอินเดียประเทศเวียดนาม เข้าร่วมในเทศการครั้งนี้อีกด้วย และยังมีกิจกรรม CIFF Talk & Forum , CIFF Exhibition, CIFF Red Carpet และอื่นๆอีกมากมาย ระหว่างวันที่ 28 – 30 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

อบจ.เปิดงานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม (Charming Chiangmai Flowers Festival) ชวน นทท.เข้าชมยาวๆ จนถึงวันที่ 4 มกราคม 2569

อบจ.เชียงใหม่ จัดใหญ่งานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม (Charming Chiangmai Flowers Festival) เปิดให้เข้าชมแล้วอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 – 4 มกราคม 2569

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม (Charming Chiangmai Flowers Festival) ซึ่งปีนี้ อบจ.เชียงใหม่ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด The world heritage of lanna หรือ มนต์เสน่ห์ล้านนา เมืองมรดกโลก ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 – 4 มกราคม 2569 ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา(ด้านหลังศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เวลา 08:30 น. – 23:00 น. โดยมี นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนประชาชนและนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก

ภายในงานจะได้พบกับ นิทรรศการสวนไม้ดอกไม้ประดับ ที่จะเนรมิตสวนให้เป็นดินแดนแห่งดอกไม้ที่มีทั้งพันธุ์ไม้เขตหนาว พันธุ์ไม้เขตร้อน เช่น ดอกทิวลิป ลิลลี่ คาลล่าลิลลี่ บูลซันเวีย มากาเร็ต ดอกไฮเดรนเยียร์ อาซาเลีย เวอร์บีน่า แกลดิโอรัส และบีโกเนียร์ หลากสีสัน การจัดนิทรรศการกล้วยไม้หายาก การแสดงสีสันแห่งเส้นเสียงน้ำพุดนตรี ทุ่งไฟประดับที่ใหญ่และสวยที่สุดยามค่ำคืน สวนแสงอัจฉริยะ ซึ่งจะแบ่งเป็น 6 โซน ประกอบด้วย โซน The world Heritage เมืองมรดกโลก โซน The Light of Lift ต้นไม้แห่งศรัทธา โซน Lanna of celebration โซน Siam golden สวัสดีปีใหม่ 2026 โซน Bellerina tree ต้นไม้เต้นระบำ และบอลลูนหงส์สุดน่ารัก สัญลักษณ์ประจำหนองเขียวความสูงกว่า 10 เมตร จำนวน 2 ตัว นอกจากนี้ยังมีการแสดง Light of Glory โชว์ศิลปะวัฒนธรรมผสมผสาน ประกอบแสง สี เสียง เป็นประจำทุกคืนวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ โดยแต่ละค่ำคืนจัดให้มีการแสดงโขน วันละ 2 รอบ ในเวลา 19:30 น. และ 21:30 น.

ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาสัมผัสความงดงามในงานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่เมืองดอกไม้งาม ซึ่งสามารถเข้าชมงานได้ฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย

 

โฮมสุขภัณฑ์ จัดหนัก จัดใหญ่ ส่งท้ายปี  ลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ “โฮมสุขภัณฑ์แฟร์ ปี 7” พร้อมดีลสุดคุ้มที่พลาดไม่ได้

 

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ที่ โฮม สุขภัณฑ์  โดยนายนพ อนุรุทธิ์เนตรศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม สุขภัณฑ์ จำกัดพร้อม พาร์ทเนอร์ แบรนด์ต่างๆ จับมือกันลดกระหน่ำส่งท้ายปี  กับ“โฮมสุขภัณฑ์แฟร์ ปี 7″ เพียง 11 วันเท่านั้น ลดครั้งใหญ่ สูงสุด 90% สินค้ากระเบื้อง สุขภัณฑ์ อุปกรณ์ห้องน้ำ ห้องครัว ก๊อกน้ำ ฝักบัว สุขภัณฑ์ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่น ๆรวมกว่า 1,500 รายการ จาก 21 แบรนด์ชั้นนำ สินค้านาทีทองเริ่มต้น 1 บาท เวลาบ่าย 2 โมง (ทุกวัน)

✨ ยิ่งช้อป ยิ่งคุ้ม! ลุ้นรางวัลใหญ่ ✨

ลุ้นรับ iPhone 17 และของรางวัลอื่น ๆ มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท สะสมยอดซื้อตลอดแคมเปญ  รับเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่ม ทั้งพัดลมและหม้อทอดไร้น้ำมัน

😀ฟรี!! ของแจก ของแถมเพียบตลอดงาน

😀ฟรี!! อาหารเครื่องดื่มแสนอร่อย ทุกวัน

ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. – 8 ธ.ค. 68 (รวม 11 วันเท่านั้น)

ที่โฮมสุขภัณฑ์เชียงใหม่ (หลัง ม.พายัพ) หมายเหตุ : สินค้ามีจำนวนจำกัด และเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนดมาเจอกันเยอะ ๆ ช้อปของดี ราคาโดนใจ แล้วลุ้นรางวัลกลับบ้านไปเลย งานนี้จัดใหญ่

เปิดตัวอย่างเป็นทางการ “EV Greenbus” รถโดยสารไฟฟ้าเจ้าแรกในภาคเหนือ และสถานีชาร์จรถไฟฟ้า “Fair Super Charge”

ตลอดเส้นทางกว่า 60 ปี กรีนบัสได้ทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยงการเดินทางของผู้คนในภาคเหนือผ่านระบบรถโดยสาร พลังงานน้ำมันอย่างต่อเนื่อง แต่โลกในวันนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ทุกภาคส่วนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมและคุณภาพ อากาศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในพื้นที่เชียงใหม่ที่เผชิญกับความท้าทายด้านมลภาวะมาอย่างยาวนาน ด้วยเหตุนี้ กรีนบัสเชื่อว่า การเดินทางที่ดีไม่เพียงต้องสะดวก ปลอดภัย และตรงเวลา แต่ยังต้อง “เคารพสิ่งแวดล้อม” และ “คืนอากาศบริสุทธิ์ให้ชุมชน” จึงได้กำหนดทิศทางการดำเนินงานเชิงยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม และชัดเจน เพื่อก้าวสู่การขับเคลื่อนระบบคมนาคมที่เป็นมิตร ต่อโลกมากยิ่งขึ้น

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 กรีนบัส เปิดตัวอย่างเป็นทางการ “EV Greenbus” รถโดยสารไฟฟ้าเจ้าแรกในภาคเหนือ โดยมีนายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัด  นายสมชาย ทองคำคูณ (กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือชัยพัฒนาเชียงใหม่) พร้อมผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติ ร่วมกันเปิดตัว “EV Greenbus”

EV Greenbus : ก้าวสำคัญสู่ระบบคมนาคมสะอาดของภาคเหนือ

วันนี้ถือเป็นหมุดหมายใหม่ของกรีนบัส ด้วยการเปิดตัวรถโดยสารไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ “EV Greenbus” จำนวน 12 คัน เจ้าแรกของภาคเหนือ ลงทุนโดย บริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท กรีนแคปปิตอล จำกัด ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงเกือบ 100 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการลงทุนระยะยาว เพื่อเปลี่ยนผ่านระบบ ขนส่งสู่พลังงานสะอาดอย่างแท้จริง ในเฟสแรก ให้บริการในเส้นทางสำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่-เชียงราย และเชียงใหม่-พะเยา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพการเดินทาง ลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และผลักดัน ระบบขนส่งสาธารณะที่สะอาดและยั่งยืน รถโดยสารไฟฟ้า 12 คัน ในเส้นทาง เชียงใหม่-เชียงราย และ เชียงใหม่-พะเยา สามารถ ให้บริการรวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 3 ล้านกิโลเมตรต่อปี ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำมันดีเซลได้ประมาณ 1 ล้านลิตรต่อปี ผลจากการ เปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงประมาณ 960 ตันต่อปี หรือคิดเป็นการลดคาร์บอน เฉลี่ย 56.7 กิโลกรัมต่อเที่ยวการเดินทาง (ระยะทาง 181 กิโลเมตรต่อเที่ยว) ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 96,000 ต้นต่อปี ทุกบาทที่เราลงทุน คือก้าวย่างที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยบรรเทาปัญหา PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้อง ภาคเหนือมาอย่างยาวนาน เราหวังว่าการเริ่มต้นครั้งนี้จะเป็นการจุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน และเป็นต้นแบบ ของระบบขนส่งสีเขียวที่เติบโตไปพร้อมกับชุมชนอย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด ESG – Environment, Social, and Governance ที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการที่โปร่งใส

การเปลี่ยนผ่านจากรถโดยสารพลังงานน้ำมันสู่รถโดยสารไฟฟ้าในครั้งนี้ของเรา ไม่เพียงยกระดับคุณภาพการเดินทาง ให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์ที่สะดวกสบาย ทันสมัย และมีความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานใหม่ให้กับระบบ ขนส่งสาธารณะของภาคเหนือ ด้วยการลดมลพิษทางอากาศ เพิ่มความเงียบ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อชุมชนอย่างยั่งยืน และอีกหนึ่งสิ่งที่เราอยากให้ทุกท่านได้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด คือแถบพลังงานบนโลโก้ Greenbus จากเดิมที่เป็น สีแดงแทนพลังงานน้ำมัน วันนี้ได้เปลี่ยนเป็นแถบพลังงานสีฟ้าที่ใช้กับรถ EV Greenbus เพื่อสะท้อนการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ของพลังงานไฟฟ้าอย่างแท้จริง

Fair Super Charge : โครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดเพื่ออนาคต

ควบคู่กันนี้ แฟร์แฟร์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท กรีนแคปปิตอล จำกัด ยังได้ลงทุนก่อสร้าง สถานีชาร์จพลังงานสะอาด “Fair Super Charge” พร้อมหัวชาร์จไฟฟ้าจำนวน 6 หัว ชาร์จเร็วสูงสุด 720 KWH เป็นการวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐาน ด้านพลังงานสะอาด เพื่อสนับสนุนการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าและระบบคมนาคมสีเขียวในจังหวัดเชียงใหม่ รองรับการเติบโต ของยานยนต์ไฟฟ้าและระบบคมนาคมสีเขียวในภูมิภาค ไม่เพียงสำหรับรถ EV Greenbus เท่านั้น แต่ยังเปิดให้ผู้ใช้รถ EV ทั่วไป สามารถเข้ามาชาร์จได้อย่างรวดเร็ว สะดวก และปลอดภัย

การลงทุนในอนาคต : ขยายการเดินทางสีเขียวให้เชื่อมโยงทั้งภูมิภาค

2 โปรเจคที่เราลงทุน “EV Greenbus” และ “Fair Super Charge” ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท และบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าลงทุนเพื่อยกระดับเส้นทางคมนาคมสีเขียวให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ในอนาคตมีแผนขยายจำนวนรถโดยสารไฟฟ้า EV Greenbus พร้อมทั้งเตรียมขยายสถานีชาร์จรถไฟฟ้า Fair Super Charge ไปยังจังหวัดสำคัญในภาคเหนือ อาทิ เชียงราย และจังหวัดศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานรองรับทั้งการเดินทางของประชาชน รวมถึงการเติบโต ของยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต การลงทุนนี้จะช่วยสร้างเครือข่ายการเดินทางสีเขียวที่สมบูรณ์ เชื่อมโยงเมืองหลัก-เมืองรอง และสนับสนุนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

“Greenpark Chiang Rai” คอมมูนิตี้มอลล์เพื่อชุมชน เสริมเศรษฐกิจเชียงรายอย่างยั่งยืน

ภายใต้การบริหารของบริษัท คำพรพัฒนา จำกัด “บริษัทในเครือฯ” โครงการออกแบบโดยผสมผสานธรรมชาติ เสน่ห์ ท้องถิ่น และความทันสมัย จากแรงบันดาลใจของบ้านชาวเขา เสริมด้วยพื้นที่สีเขียวและพื้นที่พักผ่อน เพื่อให้เป็นศูนย์กลาง การใช้ชีวิตของครอบครัว ชุมชน และนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นเติบโตไปพร้อมกับร้านค้าชั้นนำ ระดับประเทศ บนแนวคิด “คอมมูนิตี้มอลล์ที่ยั่งยืน” ที่ผสมผสานความสะดวกสบาย และใส่ใจสิ่งแวดล้อมไว้ด้วยกัน โดยจะเปิด ให้บริการเฟสแรกในเดือนมกราคม 2569 และเปิดเต็มรูปแบบภายในไตรมาส 4 ปี 2569

พวกเราเชื่อมั่นว่า ความตั้งใจในครั้งนี้จะเป็นรากฐานสำคัญของระบบคมนาคมสะอาดของภาคเหนือ ช่วยลดมลพิษ ลดคาร์บอน และสร้างเมืองที่น่าอยู่ขึ้นสำหรับทุกคน…. วันนี้ EV Greenbus ไม่ได้เป็นเพียง “บริการเดินทาง” แต่คือการพาทุกคน ออกเดินทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน “A New Journey Toward Sustainability.”

SUN ผนึกหลายภาคส่วน ส่งข้าวโพดหวานกระป๋อง KC ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่

บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อน จากสถานการณ์อุทกภัยรุนแรงในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเกิดฝนตกต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน ส่งผลให้หลายชุมชนถูกน้ำท่วมฉับพลัน บ้านเรือนเสียหาย ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพและขาดแคลนอาหารอย่างเร่งด่วน

SUN ได้สนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน ข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋อง ตรา KC เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยให้ได้รับอาหารที่ปลอดภัยและเพียงพอในระยะเร่งด่วน การส่งมอบจัดขึ้นผ่านความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กรมประมง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และ สายการบินไทยแอร์เอเชีย เพื่อสนับสนุนด้านการลำเลียงสิ่งของไปยังพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และมอบพลังใจให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ก้าวผ่านสถานการณ์ครั้งนี้ไปด้วยความเข้มแข็ง

อย่างไรก็ตาม SUN ยืนยันความมุ่งมั่นในการยืนเคียงข้างพี่น้องชาวใต้ในช่วงเวลายากลำบาก และพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อให้ความช่วยเหลือไปถึงประชาชนได้อย่างทันท่วงทีต่อไป

มช.จับมือผู้นำภาคเอกชน เปิดเวทีผนึกพลังการศึกษาและความยั่งยืน ขับเคลื่อนอนาคตประเทศในงาน “CMU Sustainability in Action 2025”

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดงาน “CMU SUSTAINABILITY IN ACTION: Transformation Through Collaboration Leadership Dinner” เมื่อวันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้องเดอะ แม่ปิง แกรนด์ บอลรูม โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากภาคธุรกิจและผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และต่อยอดความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ด้าน “การศึกษาและความยั่งยืน” ทั้งในระดับองค์กรและระดับประเทศ

การจัดงานครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเชื่อมโยงผู้นำจากสองภาคส่วนหลัก ได้แก่ ภาคการศึกษาและภาคธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนรูปแบบการจัดการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน (Cooperative and Work-Integrated Education: CWIE) ตลอดจนการพัฒนาแนวทางและหลักสูตรการเรียนการสอนร่วมกันในอนาคต อันจะนำไปสู่การผลิตบัณฑิตและพัฒนากำลังคนที่มีคุณภาพมีสมรรถนะสอดคล้องกับความต้องการของโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะในมิติด้านความยั่งยืนตามแนวคิด ESG ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนในศตวรรษที่ 21

ในการนี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวเปิดงานและมอบนโยบายในหัวข้อ “บทบาทของมหาวิทยาลัยในการสร้างพลเมืองโลกเพื่อความยั่งยืน” โดยเน้นย้ำว่า มหาวิทยาลัยในยุคปัจจุบันมิได้มีบทบาทเพียงถ่ายทอดองค์ความรู้ หากแต่ต้องเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสังคม สร้างพลเมืองที่มีคุณภาพ มีความรับผิดชอบต่อโลก และสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ พร้อมส่งเสริมการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมที่เชื่อมโยงกับบริบทของชุมชน สังคม และประเทศ อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

ศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ตอกย้ำวิสัยทัศน์และบทบาทในฐานะ “มหาวิทยาลัยชั้นนำที่รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยนวัตกรรม” โดยมุ่งขับเคลื่อนพันธกิจด้านการสร้างคนให้สอดคล้องกับนโยบายระดับชาติ และตอบรับต่อบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยังคงได้เน้นย้ำบทบาทความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในเวทีนานาชาติ ที่ได้รับการจัดอันดับที่ 44 ของโลก จาก “THE University Impact Rankings 2025” ซึ่งเป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการบูรณาการองค์ความรู้ การวิจัย และนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมในทุกมิติอย่างเป็นรูปธรรม

CMU Sustainability in Action 2025 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางอนาคตของการศึกษาไทย และยกระดับสังคมไปสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ บนพื้นฐานของความร่วมมือ ความรับผิดชอบ และจิตสำนึกต่อส่วนรวม โดยภายในงานได้มีการบรรยายและการเสวนาจากผู้นำองค์กรภาคธุรกิจและผู้บริหารมหาวิทยาลัย เพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ด้านการบริหารจัดการองค์กรในประเด็นที่สำคัญผ่านบทบาทของการศึกษาและภาคธุรกิจ ต่อการขับเคลื่อนความยั่งยืน และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนาบัณฑิตในอนาคต

ในโอกาสเดียวกันนี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และผู้เข้าร่วมงานทุกท่านได้ร่วมแสดงความอาลัย และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ต่อการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงอุทิศพระองค์เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย และทรงเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้จักสถิตอยู่ในดวงใจของพสกนิกรชาวไทยตราบนานเท่านาน

ซันสวีท–ทวีทอง เปิดเวทีนวัตกรรมเกษตรครั้งแรกในสุโขทัย มุ่งสู่เกษตรอัจฉริยะ เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และสร้างความยั่งยืนให้เกษตรกร

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท ทวีทองการเกษตร จำกัด จัดงาน “นวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตรซันสวีทและทวีทอง ครั้งที่ 1” ณ สำนักงานทวีทอง สาขาหนองกลับ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย โดยมีเกษตรกรกว่า 400 รายจากหลายพื้นที่เข้าร่วม พร้อมด้วยผู้แทนภาครัฐและท้องถิ่น เช่น รักษาการเกษตรจังหวัดสุโขทัย นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรอำเภอสวรรคโลก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกลับ และกำนันตำบลหนองกลับ สะท้อนถึงความร่วมมือที่เข้มแข็งของทุกภาคส่วนในการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวโพดหวานไทยอย่างยั่งยืน

นางอัมพันธ์ สุริยัง ผู้อำนวยการฝ่ายห่วงโซ่อุปทาน บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การยกระดับรายได้ให้เกษตรกรจากการปลูกข้าวโพดหวานเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นราว 20–25% ต่อปี โดยบริษัทเดินหน้าส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดความสูญเสีย และลดต้นทุนการเพาะปลูก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ SUN ในการสร้างระบบเกษตรกรรมที่มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาวให้แก่เกษตรกร

นอกจากนี้ SUN ยังตั้งเป้าพัฒนาไร่คู่กับความร่วมมือไปสู่ “เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming)” ผ่านการนำเครื่องมือเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น เซนเซอร์ IoT สำหรับวัดสภาพดิน–น้ำ–อากาศ, โดรนเพื่อการพ่นปุ๋ย–สำรวจแปลง, ภาพถ่ายดาวเทียม, ระบบ AI วิเคราะห์สภาพแปลง และ Big Data สำหรับวางแผนการผลิต มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก ลดต้นทุนแรงงาน และเพิ่มความแม่นยำในการจัดการไร่
เป้าหมายดังกล่าวเชื่อมโยงกับการขยายพื้นที่เพาะปลูกกว่า 5,000–6,000 ไร่ต่อปี เพื่อสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบ และผลักดันอุตสาหกรรมข้าวโพดหวานไทยให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน

ภายในงาน มีบริษัทคู่ค้ากว่า 26 แห่งร่วมจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย วัสดุเกษตร ระบบควบคุมแปลงเพาะปลูก และโซลูชันการเกษตรสมัยใหม่ อาทิ แปซิฟิคเมล็ดพันธุ์, ซินเจนทา ซีดส์ (ประเทศไทย), เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส์, อีสท์ เวสท์ ซีด, ไบเออร์ไทย, เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม และลิสเซิลฟิลด์ โดยร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้และแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพให้เกษตรกร ทั้งการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ การจัดการน้ำอย่างแม่นยำ การใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารต้นทุนในไร่ และการใช้ข้อมูลเพื่อวางแผนการเก็บเกี่ยว

งานครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีด้านเทคโนโลยีเกษตรเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบเกษตรกรรมในพื้นที่สู่ Agri-Tech Model ที่ทันสมัยและยั่งยืนมากขึ้น ช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ปรับตัวต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว เกิดเป็นความเข้มแข็งของชุมชนเกษตร และเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเกษตรกรรมไทยอย่างยั่งยืนต่อไป

เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเอเชียกับ Volvo ES90 รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มความสมดุลให้ทุกการเดินทาง

เชียงใหม่, ประเทศไทย – วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย นำโดยคุณภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการ ร่วมงานแสดงเปิดตัว Volvo ES90 รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด ที่นำมาให้ผู้สนใจในจังหวัดเชียงใหม่ได้สัมผัสคันจริง ณ โชว์รูมวอลโว่เชียงใหม่ สวีเดนมอเตอร์ส โดยมีคุณยงยุทธ นิตยเมฆินทร์ กรรมการผู้จัดการ บจก.เชียงใหม่สวีเดนมอเตอร์ส และตัวแทนผู้จำหน่ายวอลโว่ในจังหวัดเชียงใหม่ให้การต้อนรับ

Volvo ES90 รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุดครั้งแรกในเอเชียที่มาพร้อมกับนิยามใหม่แห่งความอเนกประสงค์ และนวัตกรรมการขับขี่อันล้ำสมัยไว้อย่างลงตัว ผ่านรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งเกิดจากการนำเอาจุดเด่นในแง่ของความเรียบหรู สง่างามของรถซีดาน ความเอนกประสงค์ของรถที่มีหลังคาลาดเทต่อเนื่องไปจนถึงท้ายรถ (fastback) พื้นที่ภายในกว้างขวางพร้อมความสูงใต้ท้องรถที่ยกสูงขึ้นแบบรถ SUV ทำให้ Volvo ES90 เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อมอบความลงตัวให้ทุกการเดินทางบนท้องถนนไม่ว่าจะเดินทางคนเดียว หรือกับครอบครัว ในทุก ๆ ช่วงเวลาของชีวิต
คุณคริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ, วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย และมาเลเชีย กล่าวว่า “Volvo ES90 ผสานความทันสมัยของเทคโนโลยี ดีไซน์การออกแบบอันเรียบหรูสไตล์สแกนดิเนเวียน และความกว้างขวางสะดวกสบายของห้องโดยสารไว้ในรถเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ในแบบพรีเมี่ยมตามแบบฉบับวอลโว่ Volvo ES90 ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่ความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมไฟฟ้าของเราได้อย่างดีเยี่ยมผ่านการออกแบบที่ควบคุมการทำงานของรถด้วยซอฟต์แวร์ และการประมวลผลผ่านชิปเซ็ตที่ทรงพลัง ทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มผลิตภัณฑ์รถวอลโว่ในประเทศไทย ปัจจุบันวอลโว่อยู่คู่กับคนไทยมามากกว่า 50 ปี และเรายังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้การขับขี่ มอบความปลอดภัยในการเดินทาง และร่วมสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาความไว้ใจที่ลูกค้าวอลโว่ในประเทศไทยมีต่อแบรนด์เสมอมาจากรุ่นสู่รุ่น”
ความทันสมัย ความโดดเด่น และใช้งานได้คล่องตัว
ดีไซน์การออกแบบภายนอกของ Volvo ES90 สะท้อนได้ถึงความทันสมัย ความโดดเด่น อย่างชัดเจน รวมถึงความสูงจากพื้นของท้องรถซึ่งทำให้สมรรถนะ และทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี เส้นหลังคาที่ลาดลงด้านท้ายรถผสานความทันสมัย และความสง่างามไว้อย่างลงตัวในทุกมุมมอง นอกจากนั้นช่วยเสริม แอโรไดนามิกแก่ตัวรถทำให้การจัดสรรพลังงานแบตเตอรี่ดีขึ้น จึงให้ระยะทางการขับขี่ที่ไกลขึ้น
ไฟหน้าดีไซน์ Thor’s Hammer คงเอกลักษณ์ของวอลโว่ ไฟท้าย LED จัดวางเรียงตามทรงลาดท้ายของหลังคาเชื่อมกับไฟท้ายรูปทรงตัว C ที่เสริมความโดดเด่นให้ท้ายของตัวรถ พร้อมแพทเทรินการแสดงไฟสัญลักษณ์เพื่อต้อนรับและอำลาตามแบบฉบับของวอลโว่ ตัวรถมาพร้อมสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี รวมถึงสีใหม่อย่าง สีเงิน Aurora Silver
ท้ายรถที่มีขนาดใหญ่ และลาดลงในสไตล์ fastback ให้ความโดดเด่นสะดุดตา และยังให้พื้นที่ในการจัดเก็บสัมภาระที่กว้างสำหรับทุกกิจกรรมของครองครัว โดยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านหลังสามารถจัดเก็บได้ถึง 446 ลิตร และขยายกว้างได้ถึง 904 ลิตร หากพับเบาะผู้โดยสารแถวสองลง อีกทั้งเบาะผู้โดยสารแถวสองของรถยังสามารถพับลงแบบแยกจากกันได้อย่างอิสระ (40/20/40) นอกจากนี้ยังมีที่จัดเก็บสัมภาระด้านหน้ารถหรือ FRUNK ขนาด 27 ลิตร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับจัดเก็บสายชาร์จรถ

สะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ในทุกที่นั่ง
การออกแบบภายในของห้องโดยสารสะท้อนความสะดวกสบาย และความพรีเมี่ยม ด้วยวัสดุไม้จริงที่ใช้ตกแต่งแดชบอร์ด ประตู และด้านหลังที่นั่ง พร้อมการออกแบบที่คำนึกถึงถึงการใช้งานจริงเป็นสำคัญตามแนวคิดการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนของวอลโว่ ฐานล้อขนาด 3.1 เมตร ให้พื้นที่โดยสารแถวสองที่กว้าง จึงให้การโดยสารที่สบายทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ธีมไฟบรรยากาศภายในรถสามารถเลือกปรับได้ถึง 6 ธีมสีตามความต้องการผู้ใช้รถ พร้อมเบาะที่นั่งที่เลือกได้ทั้งในแบบหนัง Nappa สีดำ Charcoal และขาว Dawn

หลังคาพาโนรามิกแบบอิเล็กโทรโครมิกที่สามารถปรับความโปร่งแสงได้เพื่อผู้ใช้งานจะสามารถปรับความเข้มของแสงที่สะท้อนเข้าถึงตัวรถ รวมถึงความเป็นส่วนตัว ได้เพียงแค่การกดปุ่มปรับตั้งค่า ตัวหลังคายังมาพร้อมคุณสมบัติในการกรองแสงยูวีได้มากถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์

ระบบปรับอากาศในห้องโดยสามารถควบคุมได้อย่างอิสระทั้งสี่ที่นั่ง พร้อมระบบฟอกอากาศที่มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่นละอองระดับ PM2.5 ได้มากถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และกรองละอองขนาดเล็ก ละอองเกสรดอกไม้ รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ ได้มากถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์

Volvo ES90 คือหนึ่งในรถวอลโว่ที่ถูกออกแบบให้ห้องโดยสารมีความเงียบ เพื่อทั้งผู้ขับ และผู้โดยสารจะดื่มด่ำไปกับเครื่องเสียงระดับพรี่เมียมแบรนด์ Bowers & Wilkins ผ่านลำโพงคุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi 25 ตัว รวมถึงบนหลังคา และบริเวณพนักพิงศรีษะที่ตำแหน่งเบาะโดยสารแถวหน้า ให้กำลังขับสูงถึง 1,610 วัตต์ เพื่ออรรถรสการฟังทั่วห้องโดยสารรอบทิศทางกับระบบเสียง Dolby Atmos® และพิเศษกับโหมดเสียงที่ได้รับแรงบรรดาลใจมาจากห้องอัดเสียงจากลอนดอนระดับตำนานอย่าง Abbey Road Studios

ระบบอินโฟเทนเมนต์ใน Volvo ES90 รองรับการใช้งาน Google built-in เพื่อการใช้บริการ Google Maps เพื่อการนำทาง, Google Assistant ผู้ช่วยส่วนตัวที่ใช้เสียงในการสั่งงาน หรือใช้บริการแอปอื่น ๆ ที่ดาวน์โหลดผ่านทาง Google Play ตัวรถยังรองรับการใช้งานสัญญาณเครือข่ายระดับ 5G ผ่านแพลตฟอร์มประมวลผล Snapdragon® Cockpit Platform จากบริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำอย่าง Qualcomm Technologies ให้การใช้งานหน้าจอที่ลื่นไหลตอบสนองแม่นยำ ทำให้ข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับผู้ขับแสดงผลผ่านจอขนาด 9 นิ้ว ด้านหน้าของผู้ขับได้อย่างทันท่วงที รวมถึงการแสดงผลบริเวณ head-up display ที่กระจกหน้า
จอแสดงผลส่วนกลางขนาด 14.5 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเข้าถึงฟังก์ชัน เช่น ระบบนำทาง ระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์, ฟังก์ชันควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร ฟังก์ชันการโทรและรับสาย และอื่น ๆ และเพื่อช่วยให้การจอดรถเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น Volvo ES90 ยังมาพร้อมกล้องรอบคันแบบ 360 องศา ที่รองรับการแสดงผลแบบ 3 มิติใหม่ล่าสุด เพื่อมอบความอุ่นใจ และความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับในทุกครั้งที่ต้องจอดในที่แคบ

อัพเดทการใช้งานให้ดีขึ้นได้อย่างสม่ำเสมอ
Volvo ES90 ผลิตขึ้นบนแพลตฟอร์ม SPA2 ที่มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของวอลโว่ Superset tech stack ที่รวมการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์โมดูล เข้าไว้ด้วยกันเพื่อรองรับการพัฒนาต่อยอดรถไฟฟ้าของวอลโว่ในอนาคต โดยเทคโนโลยีดังกล่าวนี้จะทำให้ วอลโว่ คาร์ สามารถพัฒนา และปรับปรุงคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ของรถวอลโว่ที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยี Superset ได้ตลอดอายุการใช้งานรถผ่านการอัพเดทในแบบ over-the-air
นอกจากนี้ ES90 ยังเป็นรถไฟฟ้าคันแรกของวอลโว่ที่มาพร้อมชิปประมวลผล NVIDIA DRIVE AGX Orin แบบคู่ ทำให้รถมีพลังในการประมวลผลด้วย คอร์ คอมพิ้วติ้ง มากกว่าที่เคยมีมา ซึ่งประสิทธิภาพในการประมวลผลขั้นสูงนี้ช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และประสิทธิภาพของตัวรถให้เพิ่มขึ้นจากการผสานการทำงานระหว่างข้อมูล ซอฟต์แวร์ และ AI

ในแง่ของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Volvo ES90 มาพร้อมระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ใหม่ล่าสุด ช่วยเพิ่มความเร็วให้การชาร์จ และระยะทางในการขับขี่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม และระยะทางรวมสูงสุดถึง 755 กิโลเมตร* เมื่อชาร์จเต็มตามมาตรฐาน NEDC

พลังขับเคลื่อนของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ถูกควบคุมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และส่วนประกอบอื่น ๆ ที่มีน้ำหนักเบาจึงช่วยลดน้ำหนัก และเพิ่มประสิทธิของตัวรถโดยรวมซึ่งรวมถึง อัตราเร่ง, ระยะทางการขับ
และค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd) ที่เพียง 0.25 ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลาเพียง 6.6 วินาที
สานต่อความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน
นอกเหนือจากเทคโนโลยีแบตเตอรี่ อีกหนึ่งจุดเด่นของ Volvo ES90 คือความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนของวอลโว่ ผ่านวัสดุที่เลือกใช้ซึ่งไม่เพียงเป็นวัสดุที่มาจากธรรมชาติ แต่ยังเป็นวัสดุรีไซเคิลเพื่อลดปริมาณก๊าซ Co2 ในการผลิต และในส่วนของตัวรถก็มีการนำวัสดุรีไซเคิลอย่าง อะลูมินั่มราว 29% และเหล็กราว 18% โพลีเมอร์ราว 16% มาใช้ รวมถึงการใช้งานวัสดุชีวภาพ และวัสดุธรรมชาติอย่างไม้จริงที่มาจากแหล่งที่ได้รับการรับรองโดย FSC

มาตรฐานความปลอดภัยระดับวอลโว่ ทั้งนอกและในรถกับ Safe Space Technology
เพราะความปลอดภัยคือหัวใจหลักของวอลโว่ Volvo ES90 จึงถูกออกแบบให้มาพร้อมการปกป้องทั้งภายในและนอกรถ ตามมาตรฐานความปลอดภัยของวอลโว่ คาร์ (Volvo Cars Safety Standard) ที่มีการทำการทดสอบ และศึกษาค้นคว้าตลอด 55 ปีที่ผ่านมาจากเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นมาตรฐานที่มากกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมโดยทั่วไป โดยเมื่อผสานการทำงานของระบบความปลอดภัยเข้ากับการทำงานที่ทรงพลังของระบบประมวลผลจาก คอร์ คอมพิ้วติ้ง แล้ว Volvo ES90 จึงเป็นรถที่สานต่อปฐมบทความปลอดภัยรูปแบบใหม่ของ วอลโว่ คาร์ อย่างแท้จริง
Volvo ES90 มีโครงสร้างตัวถังนิรภัยที่แข็งแกร่ง ระบบป้องกันการชนขั้นสูง รวมถึงมีพื้นที่ในการซับแรงกระแทกที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยในการขับขี่ แบบแอคทีฟผ่านการใช้งานเซนเซอร์ล้ำสมัยรวมถึงเรดาห์ 5 ตัว, กล้อง 7 ตัว และเซนเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว

โดยระบบเซนเซอร์เหล่านี้ให้ประสิทธิภาพในการมองเห็นที่ไกลกว่าสายตาของคนจึงให้ประสิทธิภาพในการตรวจจับวัตถุเพื่อหลีกเลี่ยงการชน และอันตรายบนท้องถนนทำได้อย่างดีเยี่ยม Volvo ES90 ยังมาพร้อมระบบ driver understanding system ที่สามารถตรวจจับได้เมื่อผู้ขับขี่สูญเสียสมาธิจากถนน และเข้ามาช่วยสนับสนุนได้ทันที

Safe Space Technology ใน Volvo ES90 มอบการปกป้องไม่เพียงแค่ระหว่างการขับขี่ แต่ยังรวมถึงขณะจอดรถด้วยระบบแจ้งเตือนการเปิดประตู (door opening alert) ช่วยป้องกันอุบัติเหตุกับนักปั่นจักรยานและคนเดินถนนที่สัญจรผ่านขณะเปิดประตู

ราคา
Volvo ES90 Ultra Single Motor Extended Range 2,990,000 ​ บาท
Volvo ES90 คาดว่าจะพร้อมส่งมอบให้แก่ลูกค้าในประเทศภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ หรือ ต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2569

ผู้สนใจสามารถมาสัมผัส และทดลองขับยนตรกรรมจากโชว์รูมวอลโว่เชียงใหม่ สวีเดนมอเตอร์ส ตั้งอยู่ที่
146 เชียงใหม่-ลำปาง ทางคู่ขนานถนน สายอ.แม่ริม เชียงใหม่-ลำปาง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ 053-222-904, 053-221-036 หรือ Line official: @Volvocm

อบจ. เตรียมจัดงานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้ ภายใต้แนวคิด “THE WORLD HERITAGE OF LANNA” หรือ “มนต์ เสน่ห์ล้านนา เมืองมรดกโลก”

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์ราชการจังหวัด เชียงใหม่ (สวน อบจ.เชียงใหม่) นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมแถลงข่าวงานมนต์ เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม ในหัวข้อ “เชียงใหม่เมืองดอกไม้งาม” ตอกย้ำภาพลักษณ์ World Festival City Destination นายพิชัย เลิศ พงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ แถลงข่าวในหัวข้อ “กิจกรรม การจัดงานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม” และ พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เชียงใหม่ แถลงข่าวในหัวข้อ “เที่ยวเชียงใหม่ ปลอดภัย มีเสน่ห์” เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่ปลอดภัย มี เสน่ห์ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และขับเคลื่อนจังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเมืองแห่ง เทศกาล งานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม (CHARMING Chiang Mai Flower Festival) ในปีนี้จัด ภายใต้แนวคิด “THE WORLD HERITAGE OF LANNA” หรือ “มนต์ เสน่ห์ล้านนา เมืองมรดกโลก” กำาหนดจัดงานระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ถึง วันที่ 4 มกราคม 2569 ณ ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ (สวน อบจ.เชียงใหม่) อำาเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และบริเวณ ทิศตะวันออกของหอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา โดยสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 08.30 23.00 น. และไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด ดังนี้

1) นิทรรศการสวนไม้ดอกไม้ประดับ The Wonder Flower Land : เชียงใหม่ดินแดนแห่งดอกไม้ที่มีทั้งพันธุ์ไม้เขตหนาว พันธุ์ไม้เขตร้อน อาทิ ดอกทิวลิป, ลิลลี่, คาลล่าลิลลี่, บลูซันเวีย, มากาเร็ต ดอกไฮเดรนเยียร์, อาซาเลีย เวอร์บีน่า แกลดิโอรัส และบีโกเนียร์หลากสีสัน เป็นต้น และดอกไม้อีกหลากหลายสายพันธุ์ หลากหลายสีสัน นับล้าน ดอก

2) นิทรรศการกล้วยไม้ Orchid Land : การจัดแสดงกล้วยไม้ ไทยที่หาชมได้ยาก อาทิกล้วยไม้สกุลฟาแลน, กล้วยไม้สกุลแวนด้า, แอสโค, ออนซิเดี่ยม, ซิมบิเดี้ยม เป็นต้น ผสมผสานด้วยไม้คลุมดิน ตระกูลเฟิร์น และมอส ตกแต่งประดับประดา ด้วยไม้สกุลคาคบ เช่น เคราฤาษี, สับปะรดสี เป็นต้น

3) สีสันแห่งน้ำพุดนตรี Wonder Foutain Music Laser Show ประกอบมัลติมีเดียสุดยิ่งใหญ่ จุดเด่นการแสดงน้ำพุดนตรีประกอบ แสง สี เสียง และพลุเอฟเฟคสุดตระการตา ที่สวยที่สุดในประเทศ จัด แสดงวันละ 4 รอบ ช่วงเวลา 19.00 น., 20.00 น., 21.00 น. และ 22.00 น.

4) ทุ่งไฟประดับที่ใหญ่และสวยที่สุดยามค่ำคืน สวนแสง อัจฉริยะ THE WORLD HERITAGE OF LANNA หรือ “มนต์เสน่ห์ ล้านนา เมืองมรดกโลก” ตั้งแต่เวลา 17.00 – 23.00 น.

Zone A: THE WORLD HERITAGE “เมืองมรดกโลก” สะท้อนความรุ่งเรือง และเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเน้นการดึงเอา องค์ประกอบสำคัญที่สะท้อนถึงสถาปัตยกรรมล้านนา มาประยุกต์ในการ ออกแบบ ใช้สีหลักคือ สีทอง ที่สื่อถึงความรุ่งเรื่องและพุทธศิลป์ รวมถึง ความบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนา และความเรืองรองของแสง ยังสื่อถึง แสงแห่งแรงศรัทธา ในการประดับไฟ เพื่อเนรมิตให้งานยามค่ำคืนเป็นเสมือนนครหลวงโบราณที่เปล่งประกาย โดยภาพรวมงานออกแบบจึงสื่อถึงสถาปัตยกรรมแห่งศรัทธาสไตล์ล้านนา นำมาเป็น 2 สื่อหลักในการตกแต่ง เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของเชียงใหม่ ในฐานะ เมืองที่มีชีวิต (Living Heritage) ที่เต็มไปด้วยความงามของ ศิลปะและวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าในระดับโลก

Zone B: THE LIGHT OF LIFT “ต้นไม้แห่งศรัทธา”

เป็นการผสมผสานระหว่างสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาและศิลปะล้านนา เพื่อสื่อถึงความเชื่อและชีวิตจิตใจของชาวเชียงใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจ จากองค์ประกอบหลักสองส่วนคือ “พระธาตุและปราสาท” ถ่ายทอดสู่ โครงสร้างสีทอง และ “ดอกไม้” ถ่ายทอดผ่านลวดลายประดับ ซึ่งรวมกัน เป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดชีวิต หรือ ต้นโพธิ์แห่งความศรัทธาในบริบท ของล้านนา

Zone C: LAND OF CELEBRATION : “สวัสดีปีใหม่ 2026” ได้รับแรงบันดาลใจ

จากการเฉลิมฉลองแบบสากลเข้ากับศิลปะล้านนา เพื่อสร้างจุดดึงดูดที่ยิ่ง ใหญ่และเป็นมงคลในการต้อนรับปีใหม่ การออกแบบนี้เป็นการตีความระหว่างต้นคริสต์มาส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ

การเฉลิมฉลองปีใหม่ในแบบสากล

รวมกับรูปแบบของยอดเจดีย์ ยอดปราสาทล้านนา มีกลิ่นอายเชียงใหม่ และความเป็นมรดกล้านนาแบบประยุกต์ ถือเป็นแลนมาร์กที่แสดงถึงความ ยิ่งใหญ่และสิริมงคล ด้วยสีทองอร่าม เพื่อสื่อถึงความรุ่งเรื่อง และความ พร้อมก้าวสู่ปี 2026 อย่างสง่างาม

Zone D: SIAM GOLDEN “ดินแดนอันล้ำค่า” เป็นโซน ที่นำเสนอศิลปะที่ประณีต

ของเมืองสยาม โดยนำเสนอผ่าน “แสง” ที่ลอดออกมาจากร่องฉลุแผ่น “ทองคำ” นับเป็นชิ้นงานประติมากรรมแสงสีทองแห่งดินแดนสยาม โดย โซนนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความรู้สึกสง่างาม และเป็นมงคล เป็นสีหลัก โดยให้สีทอง สื่อถึงความมั่งคั่งทางศิลปะและวัฒนธรรมของอาณาจักรใน อดีต ผสานกับรูปทรงที่สื่อถึงความสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์

Zone E: BELLERINA TREE “ต้นไม้เต้นระบำ” โซนนี้

มุ่งเน้นไปที่การสร้างพื้นที่มหัศจรรย์ที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติ และ จินตนาการจากศิลปะการเต้นบัลเลต์ ระบ่าปลายเท้า สื่อให้เห็นการออก แบบในมิติใหม่ ๆ ของงานประดับไฟ ที่เน้นความทันสมัยและมีความ เคลื่อนไหว ดุจการระบำของพฤกษาในป่าแห่งแสง โดยใช้เทคโนโลยี แสงสี เพื่อเนรมิตให้กลุ่มใบไม้ขนาดใหญ่ เหล่านี้ ดูมีชีวิตชีวาและ เคลื่อนไหวได้ในจินตนาการ จึงเป็นการผสมผสานระหว่างความอ่อนช้อย ของธรรมชาติ และความงดงามของศิลปะการเคลื่อนไหวเข้าด้วยกัน

บอลลูนหงส์สุดน่ารัก สัญลักษณ์ประจำหนองเขียว ณ สวน อบจ.เชียงใหม่ ความสูงกว่า 10 เมตร จํานวน 2 ตัว

5) การแสดง Light of Glory โชว์ศิลปะ วัฒนธรรมผสมสาน ประกอบแสง สี เสียง เป็นประจําทุกคืน วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เริ่มวันวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ไปจนถึง 4 มกราคม 2569 โดยแต่ละค่าคืน จัดให้มีการแสดงโขน จัดแสดงวันละ 2 รอบ ในเวลา 19.30 น. และ 21.30 น. พิเศษโดยในปีนี้ การแสดง Light of Glory จะจัดแสดงบนเวทีกลางน้ำ บริเวณจุดแสดงน้ำพุดนตรี และนอกจากนี้ ในวันที่ 5, 25 และ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568

และในปีนี้ อบจ.เชียงใหม่ น้อมสำนึกในพระ มหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง ประเทศชาติ ที่ทรงทุ่มเทพระวรกายและพระปัญญา และประชาชนมาโดยตลอด ทั้งในด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ส่งเสริม อาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงร่วมบูรณาการกับวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ด้วยการนำ โขนมาแสดง และร่วมกับมหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา วิทยาลัย อาชีวศึกษาเชียงใหม่ ออกแบบเมนูอาหารว่างและเครื่องดื่มภายในงาน

เพื่อส่งเสริมและสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ในสาขาวิชาชีพ ทั้งนี้ยังได้ ร่วมกับโรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่ นำนักเรียนมาแสดงดนตรีซิมโฟนี่ ออเครสตร้า ซึ่งสร้างชื่อเสียงและได้รับ รางวัลต่าง ๆ มากมาย

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ขอเชิญนักท่องเที่ยวทุกท่าน มาสัมผัสความงดงาม ในงานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่เมืองดอกไม้งาม (ฟรี!!) และขอเชิญส่วน ราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ในจังหวัดเชียงใหม่ทุกท่าน ร่วมเป็นเจ้าภาพให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ จะมาเยือนในช่วงเวลาดังกล่าว

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 แถลงข่าวเตรียมจัดงาน “One art, One music – Unity for all Ethnicities หนึ่งศิลปะ หนึ่งดนตรี เพื่อทุกคน เพื่อทุกชาติพันธุ์”

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลําพูน ลําปาง) ขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมสัมผัสประสบการณ์ทางศิลปะวัฒนธรรม ในงาน “One art, One music – Unity for all Ethnicities หนึ่งศิลปะ หนึ่งดนตรี เพื่อทุกคน เพื่อทุกชาติพันธุ์” เทศกาลที่รวบรวมเสน่ห์ของศิลปะล้านนา ดนตรีพื้นเมือง และอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย เพื่อนําเสนอพลังของ Soft Power ที่สะท้อนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างงดงามและร่วมสมัย

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 68 ที่ ห้องประชุมเล็ก หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นางกรวรรณ สุ่มมาตย์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ อาจารย์ภานุทัต อภิชนาธง (ครูแอ๊ด เดอะสะล้อ) ศิลปนจังหวัดลําพูน และนายอนุวัตร แสงเจริญกูล ศิลปินจังหวัดลําปาง ร่วมแถลงข่าวเตรียมการจัดงาน “One art, One music – Unity for all Ethnicities หนึ่งศิลปะ หนึ่งดนตรี เพื่อทุกคน เพื่อทุกชาติพันธุ์” จัดโดยสํานักงานวัฒธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมกับกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลําพูน ลําปาง) งานที่รวบรวมงานศิลปะและดนตรี ผสมผสานความหลากหลายทางวัฒนธรรมของภูมิภาคล้านนาตะวันตก และสะท้อนความงดงามของการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่างของชาติพันธุ์ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เพื่อส่งเสริมการใช้ทุนทางวัฒนธรรมเป็นรากฐานการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 สร้างการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์สู่ท้องถิ่น ทัังยังส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าการตลาด มีเวทีสร้างองค์ความรู้และสร้างสรรค์ผลงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยกระดับการสร้างมูลค่าแก่สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์

ภายในงานพบกับ กิจกรรมการสาธิตอัตลักษณ์เครื่องดนตรีและศิลปะจากกลุ่มศิลปนจาก 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 กิจกรรมจําหน่ายของดีของชุมชนที่มีความเป็นอัตลักษณ์โดดเด่นของจังหวัดผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมไทย/สินค้าชุมชน โดยภูมิปัญญาจากชุมชน กว่า 50 ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมและการแสดงพื้นบ้าน ชมแฟชั่นโชว์เครืองดนตรีและอาภรณ์อัตลักษณ์จังหวัดดนตรีล้านนา” มีเวทีเสวนาวิชาการ Lanna Soft Power Music & Art สนุกกับกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ Work Shop & DIY เสน่ห์ศิลป ภาพระบายสีไม้ ศิลปะบนผืนผ้า ศิลปะสถาปตยกรรม ศิลปะร่วมสมัย กิจกรรมการออกร้านกาแฟ สาธิต แสดงและจําหน่าย Lanna Coffee Art & Music ซึ่งนําเสนอ ศิลปะการทํากาแฟ และกิจกรรมการสาธิต นําเสนอผลิตภัณฑ์ การบริการ ดนตรีบําบัด ศิลปะบําบัด สุนทรีย์ทางสุขภาพ หัวข้อ Lanna music & Art to Wellness & Heathy เพื่อสุขภาพ ทั้งยังเพลิดเพลินไปกับการแสดงคอนเสิร์ต “เสน่ห์ศิลป ดนตรีล้านนา” พบกับศิลปน “ครูแอ๊ด แอนด์ เดอะสะล้อ” และ “ไม้เมือง” พบกันวันที่ 17-18 ธันวาคท 2568 นี้ ที่สวนสาธารณะโพธิ์ร่มรื่น องค์การบริหารส่วนตําบลเวียงใต้ อําเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน