หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ จับมือวิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เร่งเสริมกำลังคนดิจิทัลป้อนผู้ประกอบการ SMEs เชียงใหม่ตามความต้องการตลาด เดินหน้าสร้างหลักสูตรบูรณาการอุตสาหกรรมดิจิทัล พลัส หรือ “Digital Industry Integration Plus” (DII+) ใน 2 ด้าน E-Commerce Trader และ Digital Business and Marketing ชูจุดเด่นหลักสูตรผู้ประกอบการร่วมโครงการจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี 250% และการพัฒนาบุคลากรของบริษัทเป็นระยะเวลา 3 ปี และมีนักศึกษาเข้าไปปฏิบัติงานร่วมกับบริษัท จำนวน 22 เดือน เพื่อตอบโจทย์การศึกษาในรูปแบบ Education Sandbox ต้นแบบของประเทศ
นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่าหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ได้เล็งเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง และความจำเป็นในการพัฒนาบุคลากรให้กับหน่วยงานของสมาชิกหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจน SMEs ให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จึงได้ร่วมมือกับวิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดหลักสูตรบูรณาการอุตสาหกรรมดิจิทัล พลัส หรือ “Digital Industry Integration Plus” (DII+) ขึ้น อันเป็นรูปแบบ Education Sandbox ต้นแบบของประเทศ ที่ออกแบบหลักสูตรการเรียนรู้พร้อมกับการทำงานให้กับบริษัทเพื่อให้สถานประกอบการได้บุคลากรที่ตรงกับความต้องการของบริษัท เป็นหลักสูตรที่สามารถปรับปรุงแบบฉับไวตามความต้องการของผู้ประกอบการ โดยจะมีทักษะที่จะช่วย SMEs ในจังหวัดเชียงใหม่ คือด้าน E-Commerce Trader และ Digital Business and Marketing
ดังนั้น หอการค้าฯ จึงขอเชิญสมาชิกหอการค้าฯ ผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจที่ต้องการพัฒนากำลังคนทักษะดิจิทัลเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งผู้ประกอบการที่สนใจร่วมโครงการจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี 250% และการพัฒนาบุคลากรของบริษัทเป็นระยะเวลา 3 ปี และมีนักศึกษาเข้าไปปฏิบัติงานร่วมกับบริษัท จำนวน 22 เดือน ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนนี้จะเปิดรับนักศึกษาผ่านช่องทาง TCAS รอบ 1 จำนวน 60 คน
หอการค้าฯ ให้ความสำคัญกับหลักสูตรความร่วมมือครั้งนี้อย่างยิ่ง ทั้งนี้เพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มบุคคลทั่วไป ทั้งนี้ภายใต้ชุดหลักสูตรดิจิทัลเพื่อผู้ประกอบการยุคดิจิทัล มีรายละเอียดที่น่าสนใจได้แก่ ทักษะการใช้ดิจิทัลเพื่อการขายและการตลาดออนไลน์สำหรับ startup ทักษะการใช้ดิจิทัลเพื่อการออกแบบ การผลิตสื่อดิจิทัล ทักษะการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่นบนมือถือเพื่อการค้าและการตลาด การพัฒนาองค์กรผ่านแนวทาง Digital Transformation และ agile team ภายในองค์กร ทักษะการใช้ดิจิทัลเพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจภาคบริการและการท่องเที่ยว เป็นต้น รวมทั้ง การส่งเสริมพัฒนาแพลตฟอร์มการประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมออนไลน์ร่วมกันระหว่างวิทยาลัยฯกับหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างพื้นที่ชุมชนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการพัฒนาผู้ประกอบการในรูปแบบออนไลน์เป็นต้น
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภราดร สุรีย์พงษ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์ วิทยาลัยศิลปะ สื่อและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า หลักสูตรบูรณาการอุตสาหกรรมดิจิทัล พลัส หรือ “Digital Industry Integration Plus” (DII+) โดยมีจุดเด่นดังนี้ (1) ผู้เรียนสามารถเรียนจบได้ใน 3 ปี ในรูปแบบการเรียนรู้ร่วมการทำงาน ซึ่งจะช่วยให้สามารถเข้าไปปฏิบัติงานในบริษัทได้เร็วขึ้น (2) เมื่อสำเร็จการศึกษาผู้เรียนจะได้รับทั้งปริญญาและการจ้างงาน (3) ปฏิรูปการเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลายทั้ง Hybrid Learning และ Boot Camp เพื่อสร้างทักษะที่หลากหลาย (4) หลักสูตรที่ปรับปรุงแบบฉับไวตามความต้องการของผู้ประกอบการ (5) ได้รับค่าตอบแทนระหว่างเรียน 70,000 บาท ที่ผ่านมาได้รับนักศึกษามาแล้ว 3 รุ่น และมีความร่วมมือกับบริษัทดิจิทัลที่หลากหลายเช่น Digital Ventures, AppMan, CLBS, Innergy Lab เป็นต้น และในรุ่นที่ 4 นี้ หอการค้าฯ และวิทยาลัยฯ จะมุ่งเน้นไปที่ 2 ทักษะ ที่จะช่วย SMEs ในเชียงใหม่ ได้แก่ (1) E-Commerce Trader และ (2) Digital Business and Marketing
โดยเดือนพฤศจิกายน 2564 นี้ จะเปิดรับนักศึกษาผ่านช่องทาง TCAS รอบ 1 จำนวน 60 คน โดยจะมีเริ่มการ Audition ในเร็วๆนี้ และเชิญชวนผู้ประกอบการที่สนใจพัฒนกำลังคนทักษะดิจิทัลเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งผู้ประกอบการที่สนใจร่วมโครงการจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี 250% และการพัฒนาบุคลากรของบริษัทเป็นระยะเวลา 3 ปี และมีนักศึกษาเข้าไปปฏิบัติงานร่วมกับบริษัท จำนวน 22 เดือน
การพัฒนา Education Sandbox ในครั้งนี้ ได้ร่วมกันออกแบบหลักสูตรให้เรียนรู้ในรูปแบบ Entrepreneur-based Academy เพื่อให้ผู้เรียนและผู้ประกอบการได้เตรียมความพร้อมทรัพยากรบุคคลในเศรษฐกิจใหม่ โดยมุ่งพัฒนาทักษะ คิดเป็น ทำเป็น มีคุณธรรม สื่อสารได้ และมีความรับผิดชอบ โดยหลักสูตรได้เตรียมผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนมาก ให้เป็นที่ปรึกษากับผู้เรียนในทักษะที่แตกต่างกัน และเรียนรู้จากบริษัทหรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรง นอกจากนี้ในอนาคต หอการค้าฯและวิทยาลัยฯ จะร่วมกันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกระดับ ตั้งแต่ กลุ่มที่กำลังตั้งตัว (setup) กลุ่มสตาร์ทอัพ (startup) กลุ่มที่ต้องเรียนรู้ใหม่ (reset) รวมถึงกลุ่มที่มีทักษะที่พร้อมแบ่งบัน (set-off) ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้าง Skill ใหม่ที่ปรับเปลี่ยนได้เร็ว เนื่องจาก “การปรับเปลี่ยน” และ “การมองเห็นอนาคต”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ภราดร กล่าวตอนท้ายว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปัจจุบัน ประกอบด้วย 5 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการระบาดใหญ่ ทำให้เกิดทั้งวิกฤติและโอกาสสำหรับประเทศไทย จำเป็นที่จะต้องเร่งสร้างเครื่องมือใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบเฉพาะทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปฏิรูปธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเติบโตได้ในปัจจุบัน ซึ่งทางวิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี และหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เชื่อว่า การปรับตัวทั้งแรงงานและธุรกิจโดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ จะสอนให้ผู้เรียนและธุรกิจ “อยู่ให้รอด” ในสถานณการณ์เช่นนี้ “อยู่ให้เป็น” ในสถานการณ์ Post-COVID และ “อยู่ให้ได้” ในเศรษฐกิจแห่งอนาคต.