เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 นายชูโบดีป ดัส (Mr.Shubhodeep Das) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ และดร.บัณฑิต จำรัส ตำแหน่ง : ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ จำกัด/ Chief Executive Officer of Hylife Global Food แถลงเปิดตัวโรงงานมูลค่ากว่า 400 ล้าน “ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์” โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา
กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ เปิดตัวโรงงานไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ (Hylife Global Food) มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท มุ่งสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร โดยนำเทคโนโลยีทันสมัยใช้ในกระบวนการผลิต ทุกขั้นตอนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องเป้าหมายด้านการดำเนินธุรกิจที่มีความยั่งยืนระดับโลก พร้อมสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว ทั้งในองค์กรและชุมชน เตรียมเปิดตลาดทั้งในและต่างประเทศ
นายชูโบดีป ดัส (Mr.Shubhodeep Das) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ กล่าวว่า ได้จัดสรรงบประมาณทั้งสิ้น 422 ล้านบาท สร้างโรงงาน “ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์” ที่ได้มาตรฐานระดับสากลและให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อดำเนินธุรกิจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผักและผลไม้ตัดแต่งสดพร้อมรับประทานและแปรรูป ทั้งภายในประเทศและส่งออก อีกทั้งปรารถนาจะมีส่วนในการสร้างความยั่งยืนร่วมกับชุมชน และท้องถิ่นที่ตั้งของกลุ่มบริษัทฯ ในจังหวัดเชียงใหม่
“ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ จำกัด คือ ผักและผลไม้แปรรูป เช่น ผลไม้อบแห้ง, ผลไม้กรอบ, ผลไม้ตัดแต่งสดพร้อมรับประทาน รวมไปถึงผลไม้ที่สร้างมูลค่าเพิ่มแบบหลากหลาย เช่น เคลือบช็อกโกแลต รวมไปถึงข้าวแต๋นกรอบปรุงรสต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์แปรรูปจากบริษัท มีความแตกต่างจากบริษัทอื่น คือ มีการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการทำงาน รวมไปถึงกระบวนการผลิตที่สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน เช่นนำนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการยึดอายุผักผลไม้ตัดแต่งพร้อมรับประทาน โดยยังคงแร่ธาตุจากธรรมชาติ และกระบวนการแปรรูปในสุญญากาศ เป็นต้น”
ด้าน ดร.บัณฑิต จำรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ กล่าวว่า เราได้มีแผนในการป้องกัน เรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไว้เป็นอย่างดี โดยทำการศึกษาและประเมินผลกระทบต่างๆ และได้มีการออกแบบระบบป้องกันผลกระทบไว้อย่างยั่งยืน และยังมีแนวนโยบายในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และการสร้างเครดิตคาร์บอน โดยดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาที่มีความจุ 999 กิโลวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใน 20 ปี โครงการนี้จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) ของบริษัทได้ถึง 1,000-1,200 ตัน/ปี และสร้างเครดิตคาร์บอน ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่เหมือนใครในอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร นอกจากนี้ เรายังมีแผนที่จะดำเนินการประเมิน Carbon Footprint ทั้งในระดับผลิตภัณฑ์ (CFP) และองค์กร (CFO) เพื่อก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในอนาคต
“นอกจากนี้ โรงงานของเรา ยังมีการบำบัดน้ำเสียขั้นสูง ควบคู่ไปกับการผลิตพลังงานจากก๊าซชีวภาพ โดยใช้ระบบการย่อยก๊าซชีวภาพขั้นสูงในการบำบัดน้ำเสียที่มีค่า BOD (Biochemical Oxygen Demand) สูง สามารถบำบัดน้ำเสียได้ 100% และยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 500 kWh ต่อวัน ระบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้บริษัทปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด แต่ยังสามารถเปลี่ยนของเสียให้เป็นพลังงานทดแทน ไม่เพียงเท่านั้น น้ำที่ได้รับการบำบัดแล้วจะถูกนำไปแจกจ่ายให้กับเกษตรกรในพื้นที่ ใช้เป็นแหล่งน้ำในการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งสามารถช่วยสนับสนุนการเกษตรและลดมลพิษทางน้ำในพื้นที่”
ดร.บัณฑิต จำรัส กล่าวเสริมด้วยว่า ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งผลิตภัณฑ์ที่เหลือจากกระบวนการผลิตทั้งหมดจะถูกรีไซเคิลหรือใช้ประโยชน์ใหม่ โดยมีนโยบาย Zero- Waste และบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน เพื่อลดการทิ้งขยะให้เหลือน้อยที่สุด การดำเนินการตามแนวทางเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการรักษาความยั่งยืนและความรับผิดชอ บต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการผลิต การดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโรงงาน แต่ยังขยายผลไปถึงชุมชนท้องถิ่น โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดหาน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วให้กับเกษตรกรในพื้นที่และสร้างความร่วมมือกับชุมชนเกษตรกร ความสัมพันธ์เชิงบวกนี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อบริษัท แต่ยังส่งผลดีต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย ที่สำคัญ คือ สามารถสนับสนุนชุมชน หรือสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ โดยเราใช้แรงงานรวมถึงวัตถุดิบในกระบวนการผลิตเกือบทั้งหมดจากชุมชนโดยรอบโรงงาน ซึ่งจะมีทีมส่งเสริมที่จะเข้าอบรมให้ความรู้เกษตรกรและรับรองการซื้อผลผลิตเข้าสู่โรงงาน
นายชูโบดีป ดัส กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนการตลาดด้วยว่า บริษัท ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ จำกัด มีแนวทางการตลาดแบ่งออกเป็น ในประเทศ 30-40% และ ส่งออก 60-70% โดยตลาดในประเทศมีเป้าหมายจะนำสินค้าไปวางขายในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อชั้นนำในประเทศไ ทย ส่วนตลาดต่างประเทศ จะมีตลาดหลักอยู่ใน สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง และ ญี่ปุ่น โดยวางเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจใหม่ในปีแรกไว้ว่า สิ้นปี 2568 บริษัท ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ จำกัด จะขยายตลาดสู่ภูมิภาค ยุโรป รัสเซีย และจีน และตั้งเป้าหมายจะเป็นคู่ค้าของห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อชั้นนำในประเทศไทย
“เรามีความคาดหวังว่าธุรกิจนี้ จะเกิดผลดีต่อสังคม ชุมชน ตามแนวนโยบายที่จะอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมีการสนับสนุนกันทั้งภาคแรงงาน การสร้างงานโดยรอบโรงงาน การรับซื้อผลผลิตเกษตรจากชุมชน รวมถึงการสนับสนุนกลับสู่ชุมชนผ่านโครงการ CSR ต่างๆ และการจ่ายคืนในระบบภาษีท้องถิ่น เพื่อให้ทั้งบริษัทฯและชุมชน พัฒนาและเติบโตร่วมกันไปอย่างเกื้อกูลและยั่งยืน” นายชูโบดีป ดัส กล่าวทิ้งท้าย