รมว.ธรรมนัส ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มอบเงินสินเชื่อชะลอข้าวเปลือกนาปีให้ชาวนา หนุนสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่เปิดจุดรับซื้อและรวบรวมข้าวนาปรังในฤดูเก็บเกี่ยว พร้อม Kick Off ประเดิมเปิดจุดรับซื้อข้าวครั้งแรกวันนี้ที่สหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง เผยข้าวที่มีความชื้นไม่เกิน 25 เปอร์เซ็น ขายได้ในราคาไม่ต่ำกว่า 10 บาทต่อกิโลกรัม
วันนี้ (15 มี.ค. 67) ที่ศูนย์รวบรวมและแปรรูปผลิตผลการเกษตร สหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง จำกัด อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ว่าที่ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เปิดโครงการประชุมสร้างการรับรู้นโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้เกษตรกร” และมอบนโยบายให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่หน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในระดับพื้นที่ พร้อมกับ Kick Off ประเดิมเปิดจุดรับซื้อข้าวครั้งแรกวันนี้ โดยมี นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ อธิบดีกรมการข้าว อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการ และเกษตรกรผู้ปลูกข้าวกว่า 1,200 ราย เข้าร่วมพิธี
โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบเงินตามโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิตปี 2566/67 ให้กับสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ 3 แห่ง ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตรพร้าว จำกัด สหกรณ์การเกษตรฝาง จำกัด และสหกรณ์นิคมพร้าว จำกัด จากนั้นได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณสหกรณ์ดีเด่นระดับภาคประจำปี 2567 ให้แก่เกษตรกรณ์อีก 3 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด สหกรณ์การเกษตรโครงการหลวงดอยอินทนนท์ จำกัด และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคุรุสภาอำเภอเมืองเชียงใหม่ จำกัด รวมถึงมอบโฉนดเพื่อการเกษตรให้แก่เกษตรกร 300 ราย ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์และทำการเกษตรในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินของ ส.ป.ก.
ทั้งนี้ ว่าที่ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามาตรการของข้าวนาปี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนไปแล้ว โดยการชะลอการขายข้าว เพื่อให้ข้าวราคาดีขึ้น จนขายได้ในราคาตันละ 11,000 บาท ทำให้พี่น้องชาวนาได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า ส่วนข้าวนาปรังของพี่น้องชาวเชียงใหม่ ลำพูน ตลอดจนจังหวัดอื่นๆ ที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูของการเก็บเกี่ยวขณะนี้นั้น กรมการข้าวได้ประสานผู้ประกอบการเอกชน จำนวน 6 ราย เข้ามารับซื้อข้าวเปลือกที่มีความชื้นไม่เกิน 25 เปอร์เซ็น ในราคาไม่ต่ำกว่า 10 บาทต่อกิโลกรัม แบบไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และสำหรับมาตรการต่อไปที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำลังจะผลักดันนั้น คือโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง โดยรัฐบาลช่วยจ่ายครึ่งหนึ่งและเกษตรกรจ่ายครึ่งหนึ่ง เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ขณะเดียวกันเครื่องจักรต่างๆ ที่ใช้ในการทำนา จะมีการนำเครื่องจักรทั้งหมดทั้งของภาคเอกชนและภาครัฐบาลมาขึ้นทะเบียน และบูรณาการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวนาต่อไป เช่นเดียวกับลำไย ปีนี้ได้มีการประสานผู้ประกอบการส่งออกแล้ว โดยจะส่งออกลำไยในรูปแบบอบแห้ง ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ สำรวจตู้อบลำไยทั้งหมดที่มี และจะนำลำไยไปแปรรูปเป็นอบแห้ง ขายให้กับผู้ประกอบการในจำนวนที่ไม่จำกัด ซึ่งคาดว่าจะทำให้ปีนี้ผลผลิตลำไยมีราคาดีด้วยเช่นกัน