รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ย้ำลูกหลานพาพ่อแม่อายุ 60 ปี ขึ้นไป มาฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบวอล์กอิน เผยผู้สูงอายุเชียงใหม่รับวัคซีนยังน้อย หากติดเชื้อความเสี่ยงเสียชีวิตสูง ส่วนหญิงนน.เกิน 70 กก.และชาย นน.เกิน 90 กก. หรือมีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่าเท่ากับ 30 วอล์กอินรับวัคซีนได้เลย ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวันจันทร์ และวันศุกร์
ผศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า “รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ได้เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ระยะแรกใช้สถานที่ชั้น 15 อาคารเฉลิมพระบารมี คณะแพทยศาสตร์ มช. เพื่อทำการทดสอบระบบการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อมาย้ายไปที่ชั้น 2 อาคารเรียนรวม คณะแพยศาสตร์ มช. ซึ่งพบว่ามีผู้มารับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมากทำให้พื้นที่มีความแออัด จึงได้ขออนุมัติไปยังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นสถานที่ในการฉีดวัคซีนให้กับภาคประชาชนและบุคลากร
หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้การสนับสนุนทั้งสถานที่ และบุคลากร ให้เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ที่สามารถฉีดได้มากถึง 1,700 คนต่อวัน โดยเริ่มฉีดระหว่างเวลา 08.00-14.00 น. ปัจจุบันฉีดไปแล้วทั้งหมดประมาณ 6 หมื่นราย เราได้ใช้หอประชุมอย่างเต็มพื้นที่ ทั้งการลงทะเบียน การคัดกรอง , การฉีดวัคซีน , การสังเกตอาการ และการปฐมพยาบาล แต่ด้วยวัคซีนที่วางแผนและถูกจัดส่งมาจากทางจังหวัดไม่ได้มีมากตามที่ได้คาดการณ์ไว้ จึงทำให้ไม่สามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ทุกวัน ทางรพ.มหาราชนครเชียงใหม่ จึงลดการฉีดลงเหลือเพียงแค่ 3 วัน คือ วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์เท่านั้น
ปัจจุบันมีผู้ได้รับ SMS นัดรับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวนมาก โดยในตอนนี้จังหวัดเชียงใหม่ใช้สูตรในการฉีดคือ วัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 ซึ่งต้องห่างจากเข็มที่ 1 ประมาณ 3 สัปดาห์ รวมทั้งฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 ให้กับประชาชนที่ทำการวอล์กอินเข้ามา ภายใต้การบัญชาของกรรมการวัคซีนจังหวัด โดยระยะแรกประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ “ก๋ำแปงเวียง” บุคคลที่เน้นตอนแรกคือกลุ่ม 607 หมายถึง กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง แต่ในภาพรวมของจังหวัด ยังพบว่าประชาชนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ในจังหวัดเชียงใหม่ ฉีดวัคซีนเพียงแค่ 35 % ยังไม่ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ หากผู้สูงอายุได้รับการฉีดอย่างน้อย 50% ขึ้นไปแล้ว หลังจากนั้นจึงจะเป็นการฉีดวัคซีนในภาคประชาชนทั่วไป ซึ่งคงจะไม่นานนัก ขอให้ประชาชนรออีกสักนิด เพราะกลุ่มผู้สูงอายุเมื่อป่วยจะมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตสูง ดังนั้นนโยบายจังหวัดตอนนี้จึงยังคงเน้นที่กลุ่ม 607 อยู่ และได้เปิดวอล์กอินให้เข้ามาฉีดวัคซีนมากขึ้น”
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กล่าวต่อว่า “ในส่วน รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 27 และ 30 สิงหาคม 2564 ได้เปิดวอล์กอินเต็มกำลัง 1,000 คน ต่อวัน ให้ผู้สูงอายุเข้ามาฉีด แต่ก็ยังพบว่ามีผู้สูงอายุมาฉีดน้อยมากเพียงแค่ประมาณ 30% เท่านั้น อาจเพราะการเดินทางไม่สะดวก หรือความเข้าใจของผู้สูงอายุเองว่าไม่อยากฉีดเนื่องจากกลัวผลข้างเคียง ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทำให้ผู้สูงอายุปฏิเสธในการรับวัคซีน
ผู้สูงอายุบางท่านที่อยู่แต่บ้านอาจมองว่าไม่ต้องฉีดก็ได้เพราะไม่ได้ไปไหน แต่อาจไม่ปลอดภัยเสมอไปเพราะลูกหลานบางคนที่แข็งแรงดี อาจป่วย แล้วเดินทางมาหา พูดคุย เข้าใกล้ สัมผัสผู้สูงอายุ ก็อาจจะทำให้ มีการแพร่กระจายเชื้อมาสู่ท่านได้ อยากให้ผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันไม่มากเท่าคนหนุ่มสาวทำความเข้าใจใหม่เรื่องความอันตรายของวัคซีน เพราะประโยชน์ของวัคซีนโควิด-19 มีมากกว่าผลเสีย ข่าวการเสียชีวิตหรือผลข้างเคียงไม่ได้มีข้อพิสูจน์ว่าเกิดจากวัคซีนอย่างแท้จริง ในกลุ่มประชาชนทั่วไป เสียชีวิตกะทันหันจากโรคประจำตัวเดิม ก็มีอยู่ไม่น้อย หากแต่บังเอิญเสียชีวิตช่วงที่รับวัคซีนโควิด-19 พอดี อาจทำให้เข้าใจผิดว่า เสียชีวิตจากวัคซีนก็ได้ จึงขอให้ผู้สูงอายุ ออกมารับวัคซีนกันให้มากๆ เพราะผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 แล้วเสียชีวิตมีจำนวนมากในทุกๆวัน
อีกหนึ่งกลุ่มคือ กลุ่มที่มีนำหนักตัวมาก ได้แก่ ผู้หญิงน้ำหนักมากกว่า 70 กิโลกรัม ผู้ชายน้ำหนักมากกว่า 90 กิโลกรัม หรือมีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่าเท่ากับ 30 สามารถวอล์กอินเข้ามาฉีดที่ศูนย์ฉีด ของรพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ได้เลย ในวันจันทร์ และวันศุกร์ ระหว่างเวลา 10.00 -14.00 น. ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องวัคซีนโควิด-19 โทร.053-934900-1 ทุกวัน ระหว่างเวลา 08.30-16.00 น.