รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่ ระบุ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในจังหวัดเชียงใหม่ดีขึ้นต่อเนื่อง
นายแพทย์ศิริพจน์ ศรีบัณฑิตกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์อาวุโส โรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่ แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในจังหวัดเชียงใหม่ จากศูนย์ข้อมูลข่าวสารจังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ (11 เม.ย. 63) ว่า จากกรณีที่มีพี่น้องประชาชน รวมถึงในสื่อโซเชียลต่างๆ เกิดข้อสงสัยในการใช้อุปกรณ์ตรวจวัด เพื่อตรวจสอบผู้ที่อาจติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทั้งแบบที่เป็นเครื่องวัดความร้อนของร่างกายหรือเครื่องตรวจวัดไข้แบบใช้มือถือที่ใช้กันโดยทั่วไป ว่าจะสามารถคัดกรองผู้ติดเชื้อได้จริงหรือไม่ ทำไมตรวจวัดออกมาแล้วได้ค่าไม่เท่ากัน แล้วจะเชื่อถือได้หรือไม่
ขอชี้แจงว่า การใช้อุปกรณ์ตรวจวัดดังกล่าว เป็นเพียงการคัดกรองพื้นฐานในการตรวจสอบหาโรคในเบื้องต้นเท่านั้น เพื่อไม่ให้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเข้าไปแพร่กระจายให้กับผู้อื่นๆ ได้ ซึ่งอาจไม่ได้ยืนยันว่าผู้ที่ถูกตรวจออกมาแล้วมีอุณหภูมิสูงนั้น จะเป็นผู้ติดเชื้อในทันที ส่วนค่าที่ตรวจวัดออกมาแล้วไม่ตรงกันนั้น อาจมีสาเหตุมาจากหลายประการ เช่น เครื่องตรวจวัดอาจไม่ได้มาตรฐาน แบตเตอรี่เริ่มอ่อน หรืออาจเว้นช่วงระยะห่างในการวัดที่ไม่พอดี ซึ่งการใช้งานของเครื่องตรวจวัดให้ได้ประสิทธิภาพ ก่อนใช้งานควรทำการเปิดเครื่องทิ้งไว้ในจุดบริเวณตรวจวัดก่อนประมาณ 15 นาที เพื่อให้เครื่องปรับเซ็นเซอร์ตรวจวัดให้ตรงกับอุณหภูมิจริงให้มากที่สุด ส่วนการตรวจวัด ให้เว้นระยะห่างจากเครื่องกับผู้รับการตรวจวัดไม่เกิน 15 เซนติเมตร จะทำให้ได้ค่าที่ดีที่สุด โดยอุณหภูมิปกติของคนทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 36.5 – 37.4 องศาเซลเซียส แต่ในบางครั้งที่มีการตรวจวัดแล้วมีอุณหภูมิสูงเกินปกติ ให้ทำการพักร่างกายแล้วทำการวัดซ้ำอีกครั้ง หรือใช้ปรอทวัดไข้มาช่วยในการตรวจสอบอีกครั้ง หรือหากไม่มั่นใจ ให้พบแพทย์
สำหรับในโรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่ รวมถึงโรงพยาบาลหลายๆ แห่ง ขณะนี้ก็ได้มีการนำเครื่องตรวจวัดต่างๆ มาทำการตรวจเช็ค และเซตระบบค่ากลางในการตรวจวัดให้ได้ตรงตามค่ามาตรฐาน ซึ่งปกติแล้ว โรงพยาบาลจะทำการตรวจเช็คอุปกรณ์เหล่านี้เป็นประจำปีละ 1-3 ครั้ง ขึ้นอยู่การใช้งานของอุปกรณ์นั้นๆ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้เครื่องตรวจวัดให้มากขึ้น
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในจังหวัดเชียงใหม่ ในขณะนี้ อยู่ในสภาวะที่ดี เนื่องจากในรอบวันที่ผ่านมาไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติม ทำให้จังหวัดเชียงใหม่ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเป็นเวลา 3 วันติดต่อกันแล้ว โดยยังคงมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 40 ราย ขณะที่มีผู้ป่วยที่หายและกลับบ้านได้แล้วถึง 18 ราย เหลือรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 22 ราย และยังไม่พบผู้ป่วยที่เสียชีวิต เช่นเดียวกับสถานการณ์โดยภาพรวมของประเทศไทย ที่มีผู้ป่วยรายใหม่ไม่ถึง 100 ราย ติดต่อกัน 2-3 วัน นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้ติดเชื้อเริ่มมีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือร่วมใจในการเก็บตัวของประชาชน ทำให้ช่วยหยุดการแพร่ระบาดของโรค รวมถึงการทำงานของแพทย์ พยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมกันเฝ้าระวังและเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง