ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการให้ทุกภาคส่วน เฝ้าระวังการเกิดไฟป่าในเขตพื้นที่ทางตอนใต้ของจังหวัด ป้องกันกระแสลมพัดฝุ่นควันสู่พื้นที่ตัวเมือง
วันนี้ (13 ก.พ. 63) นายนรินทร์ ประทวนชัย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย พันเอก กฤติ พันธะสา เลขานุการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจสภาพพื้นที่ป่าทางอากาศ เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพบว่ามีกลุ่มควันจากไฟป่าเกิดขึ้นหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นไปตามจุดฮอตสปอตที่แสดงผลจากดาวเทียมสำรวจช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยมีจุดฮอตสปอตเกิดขึ้น 40 จุด นอกจากนี้ ยังพบพื้นที่ที่เกิดไฟป่าเพิ่มขึ้นอีก 2 จุด ในเขตพื้นที่อำเภอจอมทอง บริเวณตำบลบ้านหลวง และตำบลข่วงเปา ซึ่งเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ และเขตป่าสงวน ซึ่งได้แจ้งให้ศูนย์บัญชาการสั่งการอำเภอและพื้นที่ เข้าไปดำเนินการดับไฟ เพื่อไม่ให้ไฟป่าขยายวงกว้าง
นายนรินทร์ ประทวนชัย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่นควันในจังหวัดเชียงใหม่เริ่มมีความรุนแรง ประกอบกับในช่วงนี้มีกำลังลมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่านเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนเฝ้าระวัง และเร่งดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในแต่ละพื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ทางตอนใต้ของจังหวัด ประกอบด้วย อำเภออมก๋อย ดอยเต่า จอมทอง แม่วาง ฮอต และอำเภอแม่แจ่ม เนื่องจากเกรงว่าหากมีไฟป่าเกิดขึ้นทางตอนใต้ของจังหวัดแล้ว กระแสลมอาจพัดพาฝุ่นควันเข้ามาสู่เขตพื้นที่ตัวเมือง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนได้
อย่างไรก็ตาม หากพบว่าปฏิบัติการดับไฟป่าของเจ้าหน้าที่ในภาคพื้นดินเป็นไปอย่างยากลำบาก หรือไม่สามารถเข้าถึงได้ ทางจังหวัดฯ จะขอรับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มาช่วยในการดับไฟ เบื้องต้นจอดประจำการอยู่ที่กองพลทหารราบที่ 7 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อคอยปฏิบัติหน้าที่ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ โดยตั้งแต่เริ่มเข้ามาปฏิบัติการจนถึงปัจจุบัน จังหวัดเชียงใหม่ได้ขอรับการสนับสนุนในการช่วยเหลือแล้ว 4 ครั้ง เพื่อเข้าไปช่วยดับไฟบนเขตพื้นที่ที่เป็นแนวเขาในอำเภอสันทราย เชียงดาว และอำเภอแม่แตง
ทั้งนี้ จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในเขตพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ในวันนี้ พบว่า มีปริมาณเฉลี่ยของฝุ่นละออง PM2.5 อยู่ที่ 44 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในพื้นที่สีเหลืองหรือในเกณฑ์ระดับปานกลาง และมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากในช่วงนี้มีลมพัดผ่านเข้ามาในจังหวัดฯ จึงทำให้มีการระบายตัวของฝุ่นละออง และหมอกควันยกตัวขึ้นสู่บรรยากาศชั้นบน ส่งผลให้สภาพอากาศในภาคพื้นดินดีขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นสภาพอากาศที่ดีกว่าทุกวันที่ผ่านมา แต่ยังคงมีบางอำเภอที่มีค่าเฉลี่ยของฝุ่นละออง PM2.5 เกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังและเร่งดำเนินการแก้ไขต่อไป