เศรษฐกิจ » คาร์กิลล์ จับมือ วีพีเอฟ ยกระดับมาตรฐานการผลิตอาหารสัตว์ มุ่งพัฒนาเนื้อหมูคุณภาพสูงสู่ผู้บริโภคไทย

คาร์กิลล์ จับมือ วีพีเอฟ ยกระดับมาตรฐานการผลิตอาหารสัตว์ มุ่งพัฒนาเนื้อหมูคุณภาพสูงสู่ผู้บริโภคไทย

8 มีนาคม 2024
11768   0

Spread the love

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567  เปิดตัวโครงการความร่วมมือ เพื่อยกระดับคุณภาพเนื้อสุกรระหว่างวีพีเอฟ และคาร์กิลล์โดยนางวัชรา จีระประภาพงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วีพีเอฟ กรุ๊ป (1973) จำกัด , นายอัครฤทธิ์ บุญทวีกรรมการ บริษัท คาร์กิลล์สยาม จำกัด และนายวรพงศ์ จีระประภาพงศ์ กรรมการบริหารบริษัท วีพีเอฟ กรุ๊ป (1973)  ศูนย์ประชุม VPF (สารภี)

คาร์กิลล์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์ชั้นนำระดับโลก และวีพีเอฟ กรุ๊ป ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเนื้อสุกรคุณภาพประกาศความร่วมมือภายใต้การลงนามข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการผลิตอาหารสุกรด้วยเทคโนโลยีการผลิตอาหารสัตว์ระดับโลกของคาร์กิลล์เพื่อส่งมอบอาหารสุกร คุณภาพให้กับวีพีเอฟ จังหวัดเชียงใหม่ ในขณะที่วีพีเอฟจะดูแลตลอดห่วงโซ่คุณค่าของการผลิตเนื้อสุกรเพื่อส่ง มอบเนื้อสุกรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโภชนาการอาหารและปลอดภัยให้กับบริโภคชาวไทย

โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันในด้านการยกระดับมาตรฐานโภชนาการอาหาร สัตว์อย่างยั่งยืนตามมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดส่งผลให้สัตว์เติบโตอย่างมีคุณภาพและมีสุขภาพที่ดี ซึ่ง จะช่วยให้วีพีเอฟสามารถพัฒนาภาพรวมของผลผลิต เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเข้าถึงเนื้อสุกร ที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัยสำหรับการบริโภค ในขณะเดียวกัน คาร์กิลล์ก็สามารถเพิ่มกำลังการผลิตอาหาร สัตว์เพื่อส่งให้กับภาคเหนือของประเทศไทย และส่งมอบอาหารสุกรคุณภาพสูงให้กับวีพีเอฟ

ปัจจุบันผู้บริโภคมีความต้องการบริโภคเนื้อหมูไทยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3.91 ต่อปี โดยเฉพาะผู้บริโภคในเขต ภาคเหนือที่มีการบริโภคเนื้อสุกรมากเป็นลำดับที่ 2 ของประเทศรองจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คิดเป็น 18% ของจำนวนการบริโภคทั้งหมด หรือกว่า 200 ล้านกิโลกรัมต่อปี ทั้งนี้เพื่อที่จะส่งเสริมคุณภาพและความ ปลอดภัยในการบริโภคเนื้อสุกร จึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่าง วีพีเอฟ และ คาร์กิลล์

ทั้งนี้ ระยะเวลา 42 ปีที่คาร์กิลล์ ประเทศไทย เป็นผู้นำในการผลิตและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์ชั้นนำ ความร่วมมือในครั้งนี้ คาร์กิลล์ นำเทคโนโลยีกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ที่ได้มาตรฐานระดับโลกของคาร์กิลล์ มาใช้ในการผลิตอาหารสุกรให้กับวีพีเอฟ คาร์กิลล์มีการพัฒนาสูตรอาหารที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาให้ เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของสุกรในแต่ละช่วงวัยเพื่อให้สุกรได้รับโภชนาการอาหารและทำให้เนื้อสุกร มีคุณภาพ นอกจากนั้น คาร์กิลล์ยังเน้นในการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด มีทีมผู้เชี่ยวชาญจากคาร์กิลล์ ช่วยแนะนำและควบคุมคุณภาพตลอดกระบวนการผลิต ก่อนส่งมอบสินค้าอาหารสัตว์แก่ วีพีเอฟ สำหรับการเลี้ยงดูสุกรภายใต้ระบบการรักษาสุขอนามัยที่ดีเพื่อให้สุกรเติบโตอย่างสมบูรณ์และปลอดภัย ส่งผลให้เนื้อหมู มีคุณภาพสูงเหมาะแก่การบริโภค

ขนายอัครฤทธิ์ บุญทวี กรรมการบริษัท คาร์กิลล์สยาม จำกัด กล่าวว่าคาร์กิลล์มุ่งมั่นในการเป็นผู้บุกเบิก นวัตกรรมกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและ ความสามารถของเราในการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้และประสบการณ์ เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มผลผลิตได้สูงสุดผ่านผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่ปรับแต่งโดยเฉพาะ ซึ่งไม่เพียงช่วยส่งเสริมการเติบโตและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อให้สัตว์มีสุขภาพดีและแข็งแรง แต่ในขณะเดียวกันก็มีส่วนช่วยส่งเสริมการจัดหาเนื้อสุกรคุณภาพสูงซึ่งเป็นแหล่งพลังงานอาหารหลักให้กับประชากรไทยท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ท้าทายอย่างต่อเนื่อง

นายวรพงศ์ จีรประภาพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร บริษัท วีพีเอฟ กรุ๊ป (1973) จำกัดกล่าวว่าในการร่วมมือกันระหว่าง VPF กับ Cargill ในครั้งนี้เกิดจากวิสัยทัศน์และแนว ทางการดำเนินงานที่สอดคล้องกันในด้านคุณภาพและมาตรฐานในทุกกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้อาหารที่ ปลอดภัย VPF ยึดถือเรื่องคุณภาพเป็นสำคัญมาโดยตลอด ได้มีการพัฒนาห่วงโซ่การผลิต เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เรามุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจที่ดูแลและใส่ใจกระบวนการผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีสำหรับการผลิตอาหารให้กับสุกรใน ฟาร์มของเราเองไปจนถึงกระบวนการชำแหละตัดแต่งเนื้อสุกร การปฏิบัติงาน เพื่อให้ได้คุณค่าที่เหนือกว่า มาตรฐานและพร้อมส่งต่อให้กับผู้บริโภค ตามแนวคิดที่ว่า “Value Beyond Standard” คุณค่าเหนือมาตรฐาน

อย่างไรก็ตาม คาร์กิลล์พร้อมเดินหน้าร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อยกระดับมาตรฐานเนื้อสุกรไทยให้มีคุณภาพและปลอดภัย พร้อมส่งมอบให้กับผู้บริโภคชาวไทย คาร์กิลล์ และ วีพีเอฟ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างความ มั่นคงทางอาหาร พร้อมก้าวสู่การทำธุรกิจสีเขียวผ่านการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนทั่ว โลก สัตว์และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป